บมจ. จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือกลุ่มจัสมิน (JAS) ทุ่มงบประมาณกว่า 19,000 ล้านบาท คว้าลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ บนอินเทอร์เน็ตทีวี และดิจิทัลทีวี รวมถึงชุดวิดีโอสั้น เป็นเวลา 3 ฤดูกาล นับตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26 ในไทย, ลาว และกัมพูชา มูลค่านี้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับ CTH ประมูลได้เมื่อฤดูกาล 2013/14
JAS ผู้ถือลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพในไทยรายใหม่
บมจ. จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือกลุ่มจัสมิน (JAS) แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเข้าทำธุรกรรมเพื่อให้บริษัทได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity Right) ในการถ่ายทอดภาพ และเสียงรายการฟุตบอลฟรีเมียร์ลึก และเอฟเอคัพ บนอินเทอร์เน็ตทีวี (Internet TV) และ ดิจิทัลทีวี (Digital TV) รวมถึงชุดวิดีโอสั้น (Clips package) ตลอดระยะเวลารายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ 3 ฤดูกาล
เริ่มตั้งแต่ต้นฤดูกาลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ 2025/26 หรือ 6 ฤดูกาล ในกรณีที่บริษัทฯ ได้รับแจ้งจาก FAPL เป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ในประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 559,980,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 19,167,723,414 บาท หรือเรียกโดยเบื้องต้นว่า ธุรกรรมถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ
ปัจจุบันบริษัทย่อยของ JAS ประกอบธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวี (Intemet TV Business) โดย
- บริษัท แจส ทีวี จำกัด (เดิมคือ บริษัท ทรี บีบี ทีวี จำกัด) ให้บริการแฟลตตฟอร์มอินเทอร์เน็ตทีวีแก่ลูกค้าจำนวนกว่า 600,000 ราย ภายได้ชื่อบริการ 3BB GIGATV ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ
- บริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ซึ่งดำเนินการจัดหา และรวบรวมคอนเทนต์ให้แก่ 3BB GIGATV
ปัจจุบัน 3BB GIGATV ให้บริการผ่านกล่อง Android Box ที่มีคอนเทนต์หลากหลาย ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศในการจัดหาคอนเทนต์ที่หลากหลาย เช่น HBO CNN Bloomberg Tencent (We TV) MONOMAX BBC NHK รวมทั้งให้บริการแบบบอกรับสมาชิก (Subsciption Channel) ภายได้ความร่วมมือกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในการให้บริการแพคบอลไทยลีคแบบรายเดือน และตลอดฤดูกาล รวมทั้งมีการให้บริการช่องก็ทำโดยเฉพาะอย่าง 3BB Sports One อีกด้วย
JAS แจ้งว่า ธุรกรรมถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มบริษัททั้งในด้านการเติบโต และขยายการลงทุนของธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท และในด้านการสร้างรายได้แก่กลุ่มบริษัทจากการพิจารณาคุณสมบัติ และความเหมาะสมของกลุ่มบริษัท ภายหลังการเข้าทำธุรกรรมถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ
เบื้องต้น JAS จับมือกับพันธมิตรกลุ่ม MONO ได้แก่ MONOMAX และ MONO29 เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกลยุทธ์หลักด้านการตลาด และการกระจายคอนเทนต์ ซึ่งสะท้อนถึงพันธกิจในการมอบประสบการณ์การรับชมที่มีคุณภาพสูงสู่ครัวเรือนกว่า 25 ล้านครัวเรือนในสามประเทศ JAS ตั้งเป้าหมายผู้สมัครสมาชิกกว่า 3 ล้านรายในปีแรก จากจำนวนประชากรทั้งหมด 96 ล้านคนในทั้งสามประเทศ
Brand Inside ตรวจพบข้อมูลว่า ปัจจุบัน AIS ได้ควบรวม JAS จนได้จำนวนลูกค้าอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงมาทั้งหมด และทำตลาดภายใต้แบรนด์ Fibre 3 โดยสิ้นไตรมาส 3 ปี 2024 มีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 4.94 ล้านราย และทั้งสองบริษัทมีแพลตฟอร์มรับชมคอนเทนต์ออนไลน์คือ AIS Play และ Monomax
ก่อนหน้านี้ True เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านมา 6 ฤดูกาลติดต่อกัน โดยบริษัทไม่ได้เปิดเผยมูลค่าการได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ แต่สุดท้ายเปลี่ยนมือไปที่ Bein จากตะวันออกกลางแทน ส่วนที่มีการเปิดเผยมูลค่าลิขสิทธิ์ล่าสุดอาจต้องย้อนไปปี 2013/14 ที่ CTH เคยทุ่มเงินกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อคว้าสิทธิ์นี้
อย่างไรก็ตาม CTH ไม่ได้เปิดเผยมูลค่าลิขสิทธิ์ที่ชัดเจน เพราะ 20,000 ล้านบาท นั้นรวมถึงการทำตลาด และการลงทุนในแง่มุมต่าง ๆ เนื่องจากบริษัทเป็นหน้าใหม่ของอุตสาหกรรมในขณะนั้น แต่มีการคาดการณ์ว่า มูลค่าลิขสิทธิ์อาจอยู่ที่ 7,000-9,000 ล้านบาท
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา