แม้ว่าในช่วง 2 ทศวรรษให้หลังนี้ ผู้หญิงในญี่ปุ่นจะเข้าสู่โลกของตลาดแรงงานกันมากขึ้น แต่เมื่อสำรวจแล้วพบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ทำงานแบบ Part-Time กันเสียมาก เพราะค่าจ้างที่สูงขึ้น แต่งานแบบนี้ไม่ได้เสริมทักษะที่เฉพาะเจาะจง มากกว่านั้นสวัสดิการก็ไม่ได้ดีด้วย
เปิดโอกาสมากขึ้น แต่งานที่ทำไม่เสริมทักษะ
ในช่วง 20 ปีมานี้ ตลาดแรงงานของญี่ปุ่นมีอัตราการว่างงานน้อยมาก ถ้าคิดเป็นตัวเลขจะอยู่ที่ร้อยละ 2.8 เท่านั้น อัตราว่างงานที่ต่ำ หมายความว่า คนตกงานน้อย แน่นอนว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาในตลาดแรงงานมากขึ้นนั่นเอง
นอกจากที่ญี่ปุ่นจะดึงเอาผู้หญิงเข้ามาสู่ตลาดแรงงานเพื่อลดช่องว่างในการทำงานแล้ว ส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะการก้าวเข้าสู่สังคมผู้อายุในอนาคตอันใกล้ด้วย อย่างล่าสุดคือ รัฐบาลของ Shinzo Abe ก็ตระหนักถึงปัญหาข้อนี้ดี
ปัญหาคือ แม้ว่าผู้หญิงจะเข้ามาสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น แต่ผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนมากยังได้รับค่าจ้างต่ำ ส่วนใหญ่ทำงานชั่วคราว (Part-Time) ไม่ได้อยู่ในองค์กรเป็นพนักงานเงินเดือนที่มีสวัสดิการ และยังทำงานแบบทักษะไม่สูง
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
อย่างแรกเลยคือ ค่าจ้างงาน Part-Time ของญี่ปุ่นในปัจจุบันมีอัตราที่สูงขึ้น ทำให้หลายคนอยากทำงานนี้ แต่เชื่อไหมว่า แม้ค่าแรงในงาน Part-Time จะเพิ่มสูงขึ้น แต่คนญี่ปุ่นที่ทำงานลักษณะนี้มีกลับมีเงินน้อยลง นั่นเป็นเพราะว่า “เมื่อค่าจ้างในงาน Part-Time มีอัตราสูงขึ้น คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เลยเลือกทำงานน้อยลง” หรือพูดอีกแบบก็คือ อัตราค่าจ้างที่สูงขึ้น ไม่ได้ทำให้มีเงินมากขึ้นเลย เพราะคนเลือกทำงานให้น้อยลง
หนึ่งในคำอธิบายของแนวโน้มที่คนญี่ปุ่น (โดยเฉพาะผู้หญิง) ที่เลือกทำงานแบบนี้คือ นโยบายการลดหย่อนภาษีของคู่สมรสที่พยายามจูงใจให้แต่งงานมีลูก (แน่นอนว่า เตรียมรับมือสังคมผู้สูงอายุ) แต่ปัญหาอีกประการในญี่ปุ่นที่ตามมาจากกรณีนี้ก็คือ “การขาดแคลนสถานที่เลี้ยงเด็ก” ทำให้ผู้หญิงไม่สามารถทำงานประจำได้ ในแง่นี้ งาน Part-Time เลยเป็นงานที่เหมาะที่สุดที่ผู้หญิงญี่ปุ่นเลือกทำจากเงื่อนไขที่มี
สิ่งที่น่ากังวลตอนนี้จึงไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากการเข้าสู่ตลาดแรงงานที่เพิ่มมากขึ้นของผู้หญิงญี่ปุ่น แต่กลับมีค่าจ้างที่เมื่อคิดเชิงเปรียบเทียบแล้วถือว่าไม่สูง แถมยังไม่มีสวัสดิการรองรับที่ดี และมากกว่านั้น ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทำงานที่ช่วยเสริมทักษะในอาชีพการงานเสียเท่าไหร่
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา