เนื้้อวัวญี่ปุ่น หรือ “วากิว” เป็นหนึ่งในวัตถุดิบชั้นเยี่ยมในการทำอาหารของโลก เพราะด้วยความพิเศษเรื่องมันที่แทรกอยู่ตามส่วนต่างๆ ราวกับลายหินอ่อน ยิ่งรัฐบาลญี่ปุ่นเร่งสร้าง Story ให้สินค้าตัวนี้ การส่งออกจึงเติบโตก้าวกระโดด
5,600 ล้านบาท กับอนาคตที่ยังเปิดกว้าง
เมื่อพูดถึงการส่งออกสินค้าเกษตรของประเทศญี่ปุ่น หลายคนอาจนึกถึงปลา หรือผลไม้ชนิดต่างๆ แต่ปัจจุบันเนื้อวัว โดยเฉพาะเนื้อ “วากิว” กลายเป็นอีกสินค้าเกษตรที่สำคัญของประเทศ เพราะกำลังอยู่ในช่วงเติบโตก้าวกระโดด ผ่านมูลค่ากว่า 19,200 ล้านเยน (ราว 5,600 ล้านบาท) ในปี 2559 เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ถึง 41%
แม้จะมีมูลค่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับการส่งออกสินค้าเกษตร, ป่าไม้ และการประมงที่สูงถึง 8.07 แสนล้านเยน (ราว 2.34 แสนล้านบาท) แต่จากการเติบโตนี้ ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นเร่งเครื่องเจรจาทางการค้ากับทั้งกลุ่ม 10 ประเทศเอเชียแปซิฟิค และสหภาพยุโรป เพื่อยกเว้นภาษีในการส่งออกเนื้อวัวจากประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
สำหรับบริษัทที่ส่งออกเนื้อวากิวมากที่สุดก็ไม่พ้นยักษ์ใหญ่สินค้าบริโภคอย่างกลุ่ม Itoham ที่คาดว่ายอดขายจากการส่งออกเนื้อวากิวจะมีถึง 2,900 ล้านเยน (ราว 844 ล้านบาท) ในปีปฏิทินหน้าที่จะเริ่มในเดือนเม.ย. 2561 โดยเพิ่มขึ้นจากปีปฏิทินก่อนที่ทำไปได้ 2,500 ล้านเยน เพราะเตรียมแผนขยายไปมากกว่าเอเชียที่เป็นตลาดหลัก
ขณะเดียวกัน Itoham ยังตั้งเป้ายอดขายจากการส่งออกเนื้อวากิวสูงถึง 4,400 ล้านเยน (ราว 1,280 ล้านบาท) ภายในปี 2562-2563 และปัจจุบันประเทศที่มีการสั่งซื้อเนื้อวากิวมากที่สุดของบริษัทคือ ไต้หวัน เพราะประเทศนี้เพิ่งยกเลิกการห้ามนำเข้าเนื้อจากประเทศญี่ปุ่นมาเป็นเวลา 7 ปี ทำให้ความต้องการที่นั่นสูงขึ้นเป็นประวัติการ
สรุป
“เนื้อวากิว” เป็นอีกวัตถุดิบทางอาหารที่มีราคาแพงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เพราะความพิถีพิถันในการเลี้ยงดูของเกษตรกร ประกอบกับ Story ของเนื้อแต่ละชิ้นที่ค่อนข้างมีรายละเอียด ทำให้ผู้บริโภคที่ชื่นชอบเนื้อต่างหลงไหลในสินค้าตัวนี้ พร้อมยอมจ่ายแพงๆ เพื่อลิ้มลองซักครั้ง จึงไม่แปลกที่เนื้อจะกลายเป็นอีกสินค้าเกษตรที่สำคัญของญี่ปุ่น
อ้างอิง // The Japan Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา