[วิเคราะห์] ซาอุ-สหรัฐ อาจสั่นคลอนหลังนักข่าวหายตัวไป กระทบถึงการลงทุน

Brand Inside สรุปประเด็นเรื่องของนักข่าวชาวซาอุดิอาระเบียที่หายตัวลึกลับเป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์ ในสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียในกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งเรื่องนี้กระทบไปในโลกธุรกิจและการลงทุนทั่วโลกด้วย

Jamal Khashoggi นักข่าวชาวซาอุฯ – ภาพจาก Flickr ของ Project on Middle East Democracy โดย April Brady

เป็นเวลาเกือบ 2 อาทิตย์ที่นักข่าวชาวซาอุฯ ชื่อว่า Jamal Khashoggi หรือ จามาล คาชูจกิ ได้หายตัวไปในสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียในกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งทางการซาอุฯ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนในการหายตัวของเขา และได้ยืนยันว่าเขาได้ออกจากสถานกงสุลไปแล้วด้วย

สำหรับการหายตัวไปของเขาอาจไม่ใช่แค่เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ผลกระทบครั้งนี้อาจกระทบไปทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจที่ประเทศซาอุดิอาระเบียได้ลงทุน หรือแม้แต่ราคาน้ำมัน และผลในอนาคตถ้าหากประเทศซาอุดิอาระเบียเกิดโดนคว่ำบาตรจากนักธุรกิจ

Jamal Khashoggi คือใคร

Jamal Khashoggi เป็นนักข่าวที่ทำงานในประเทศซาอุดิอาระเบียมานานเกือบ 30 ปี โดย BBC ได้รายงานว่าเขาเองได้ทำข่าวการบุกอัฟกานิสถานของโซเวียต เป็นต้น นอกจากนี้เขายังเคยทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย รวมไปถึงราชวงศ์ซาอุฯ ด้วย

ปัจจุบัน Jamal ได้ขอลี้ภัยไปอยู่ในสหรัฐ และได้เขียนบทความให้กับ Washington Post สำหรับเรื่องสำคัญที่ทางการซาอุฯ อาจไม่ชอบใจ Khashoggi คือเรื่องที่เขาวิจารณ์นโยบายการที่ซาอุฯ ไม่ว่าจะเป็นทำสงครามปราบปรามกบฏฮูตีในประเทศเยเมน ที่ส่อเค้าความยืดเยื้อ ฯลฯ นอกจากนี้เขายังเคยกล่าวว่าเขาเป็นคนที่จงรักภักดีต่อราชวงค์ซาอุฯ ด้วยซ้ำ และอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศในทางที่ดี

วันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา เขาได้หายตัวไปขณะที่เข้าไปติดต่อเพื่อเอาเอกสารยืนยันการหย่าร้างกับภรรยาคนเก่า โดยคู่หมั้นของเขาได้รอเขาข้างนอกเป็นเวลา 11 ชั่วโมง ก่อนเขาเข้าไปเขายังได้บอกว่าถ้าหากหายตัวไปเป็นเวลานานให้โทรศัพท์หาที่ปรึกษาของประธานาธิบดีตุรกีได้เลย

จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครทราบชะตากรรมของเขา ซึ่งรัฐบาลตุรกีคาดว่า Jamal อาจเสียชีวิตไปแล้ว

Mohammad Bin Salman – ภาพจาก Kremlin (CC BY 4.0)

ซาอุฯ ออกมาปฏิเสธ ส่วนทรัมป์ไม่พอใจเรื่องนี้

แน่นอนว่าการหายตัวของ Jamal เป้าใหญ่ที่สุดคือราชวงศ์ซาอุฯ โดยเฉพาะเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน ที่ตกเป็นเป้าใหญ่สุดว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการหายตัวครั้งนี้ เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าชายเองได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ถึงเรื่องนี้ว่า “เขาไม่ได้อยู่ในสถานกงศุล” และรวมไปถึง “ประชาชนชาวซาอุฯ ก็ต้องการอยากทราบว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร” นอกจากนี้ซาอุยังพร้อมร่วมมือกับทางการตุรกีในการสอบสวนเรื่องนี้อีกด้วย 

สำหรับประธานาธิบดีทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับช่อง CBS ถึงเรื่องนี้ว่า สหรัฐอาจต้องใช้บทลงโทษรุนแรงถ้าหากมีหลักฐานที่พบว่าซาอุฯ อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ 

นอกจากนี้ทรัมป์เตรียมที่จะเข้าพูดคุยเรื่องนี้กับสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานในเรื่องนี้ด้วย

SoftBank กลายเป็นเป้าหมายใหญ่จากนักลงทุนต่างชาติในการเทขายหุ้น เนื่องจากความกังวลในเรื่องนี้

ผลกระทบตามมาใหญ่หลวง

ผลกระทบของซาอุฯ ในเรื่องนี้คือการลงทุนกว่า 45,000 ล้านเหรียญ ใน SoftBank Vision Fund ซึ่ง PIF ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งของประเทศเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในกองทุนนี้ เม็ดเงินดังกล่าวลงทุนไปในบริษัทสตาร์ทอัพชื่อดังไม่ว่าจะเป็น Uber หรือแม้แต่ Slack รวมไปถึงบริษัทอื่นๆ เช่น ARM ผู้ผลิตชิปโทรศัพท์มือถือ Nvidia ผู้ผลิตการ์ดจอชื่อดัง หรือแม้แต่ Tesla ด้วย

บทความที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของ SoftBank Vision Fund

ความซวยย่อมหนีไม่พ้นหุ้นของ SoftBank ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วย ราคาหุ้นได้ลดลง 725 เยน (-7.27%) หลังจากราคาหุ้นได้ขึ้นมาก่อนที่จะตกลงในวันนี้ถึง 30% และมูลค่าตลาดของ SoftBank หายจากจุดสูงสุดแล้วถึงเกือบๆ 720,000 ล้านบาท

ไม่ใช่แค่นี้เท่านั้น พันธบัตรของประเทศซาอุดิอาระเบียยังได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อีกต่างหาก โดย Yield ของพันธบัตรได้พุ่งขึ้นไปที่ 4.6% หลังจากมีความกังวลในเรื่องนี้ รวมไปถึงตลาดหลักทรัพย์ Tawadul ของซาอุฯ เองที่มีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติด้วย

Jamie Dimon – ภาพจาก Flickr – Stefen Chow/Fortune Global Forum

บริษัทเอกชนและสื่อแสดงความไม่พอใจซาอุฯ

แรงกดดันในเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การลงทุนอย่างเดียว ผลกระทบในเรื่องนี้คือเหล่านักธุรกิจรวมไปถึง CEO จากบริษัทดังๆ ของสหรัฐ ต่างประท้วงในเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยไม่ไปร่วมงาน Future Investment Initiative ซึ่งรัฐบาลซาอุฯ เป็นผู้จัดงานนี้

โดยรายชื่อผู้บริหารและ CEO ประกาศไม่ไปร่วมงานนำโดย

  • Jamie Dimon ซึ่งเป็น CEO ของ JPMorgan 
  • Herman Narula เป็น CEO ของ Improbable Worlds บริษัทเกมและไอทีชื่อดัง
  • Larry Fink เป็น CEO ของ BlackRock บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนใหญ่ที่สุดในโลก
  • Stephen Schwarzman เป็น CEO ของ Blackstone ซึ่งเป็น Private Equity ชื่อดัง
  • Bill Ford ประธานของ Ford Motors
  • Dara Khosrowshahi จาก Uber

BBC ยังรายงานว่าตัวแทนจากสหรัฐและอังกฤษก็ประกาศที่จะไม่ไปเข้าร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน ยังรวมไปถึง Richard Branson จาก Virgin ประกาศชะลอรับเงินลงทุนจากซาอุดิอาระเบียในโครงการ Virgin Space มูลค่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐอีกด้วย

ส่วนทางด้านสื่อต่างประเทศที่ไม่ไปงานนี้ประกอบไปด้วย CNN, CBNC, New York Times รวมไปถึง Bloomberg และ Financial Times โดยแสดงความกังวลในการหายตัวไปของ Jamal ด้วย

นอกจากนี้ Washington Post ได้ทำพื้นที่ว่างในหนังสือพิมพ์เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ในเรื่องนี้ด้วย

ภาพจาก Shutterstock

มากกว่าเรื่องนักข่าวหายตัวไป

เรื่องนี้อาจอีรุงตุงนังมากกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ซาอุดิอาระเบียกับสหรัฐ ถ้าหากซาอุฯ ไม่สามารถอธิบายเรื่องการหายตัวไปได้อย่างมีเหตุผล รวมไปถึงหลักฐานรองรับ แถมยังมีประเด็นเกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การซื้อขายอาวุธระหว่าง 2 ประเทศ ที่อาจทำให้ซาอุหันไปซื้ออาวุธจากประเทศคู่แข่งอย่างรัสเซียเพื่อเป็นการตอบโต้ หรือแม้แต่การเปลี่ยนเป้าหมายการลงทุน

แรงกดดันในเรื่องนี้จะยังตามหลอกหลอนถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้าไปลงทุนในซาอุดิอาระเบียด้วย เนื่องจากปัจจุบันซาอุดิอาระเบียพยายามที่จะกระตุ้นให้นักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนมากขึ้น แต่จะเห็นได้จากการการคว่ำบาตรของเหล่า CEO ชื่อดังแล้วอาจต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

สำหรับความกังวลว่าซาอุดิอาระเบียอาจใช้เครื่องมือต่อรองอย่าง “น้ำมัน” เป็นเครื่องต่อรองชาติตะวันตกในเรื่องนี้ เหมือนกับในสมัยปี 1973-1974 ที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นเนื่องจากกรณีชาติอาหรับกับอิสราเอลนั้น ปัจจุบันราคาน้ำมันถ้าหากสูงมากเกินไปก็อาจเป็นโอกาสของ Shale Oil ของสหรัฐสามารถป้อนน้ำมันดิบเข้ามาในตลาดได้ ซึ่งอาจคลายความกังวลในเรื่องนี้ได้บ้าง

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเล็กๆ น้อยๆ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกาตาร์กับตุรกีที่ค่อนข้างแน่นแฟ้น ซึ่งสื่อของประเทศในกลุ่มอ่าวเปอร์เซียเริ่มออกมาโจมตีสำนักข่าว Al Jazeera ของกาตาร์ว่าบิดเบือนในการเสนอข่าวอีกด้วย และยังมีการออกแถลงการณ์สนับสนุนซาอุดิอาระเบียเพื่อที่จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ให้ได้ด้วย

ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสียแล้ว

Note: อัพเดตล่าสุด ทางการซาอุประกาศสอบสวนเรื่องการหายตัวไปของ Jamal แล้ว

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา