Jaguar ส่ง E-PACE ลุยตลาด SUV ขนาดเล็ก แต่คงไม่ง่าย เพราะค่ายคู่แข่งเตรียมรับน้องเต็มที่

หลังจากประสบความสำเร็จกับ F-PACE ที่เป็นรถ SUV รุ่นแรกของบริษัทเมื่อปีก่อน มาปีนี้ Jaguar ก็ต่อยอดด้วย E-PACE รถ SUV ขนาดเล็ก เพื่อรับความของการของกลุ่มเป้าหมายที่อยากหรู และก็ลุยได้

E-PACE รถยนต์ SUV ขนาดเล็กรุ่นใหม่ของ Jaguar ที่ออกมาชนกับ BMW รุ่น X1 และ Mercedes-Benz รุ่น GLA

หนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนยอดขายแตะ 1 ล้านคัน

กลุ่ม Jaguar Land Rover (JTR) กลายเป็นเบอร์หนึ่งการผลิตรถยนต์ในประเทศอังกฤษ หลังจากแซง Nissan ขึ้นมาในปีก่อน ผ่านยอดขายรถยนต์ที่ผลิตที่นี่กว่า 604,000 คันทั่วโลกเมื่อรวมยอดขาก Jaguar และ Land Rover และการเติบโตครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีการออกไลน์ผลิตรถยนต์ Sport Utility Vehicle หรือ SUV

โดยในปี 2559 ทางกลุ่ม JTR ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการส่ง SUV รุ่นแรกของบริษัทในชื่อ F-PACE และด้วยความหรู่ ที่มาพร้อมกับความแรง และการใช้งานเอนกประสงค์ ทำให้ยอดขายของแบรนด์ Jaguar เพิ่มขึ้นถึง 83% หรือคิดเป็นการขายกว่า 172,000 คัน และจากความต้องการนี้เองทำให้ Jaguar ต่อยอดด้วย SUV ขนาดเล็กในปีนี้

E-PACE รุ่นนี้มากับเครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตร พร้อม Turbocharged ความแรงเริ่มต้น 246 แรงม้า และรุ่นท็อปอยู่ที่ 296 แรงม้า พร้อมเกียร์ออโต้ 9 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา

E-PACE คืออาวุธใหม่ของทาง Jaguar ด้วยขนาดที่เล็กกว่ารุ่นพี่ F-PACE เล็กน้อย ทำให้กดราคาขายออกมาเริ่มต้นที่ 28,000 ปอนด์ (ราว 1.2 ล้านบาท) น้อกว่ารุ่นพี่ถึง 6,000 ปอนด์ (ราว 2.6 แสนบาท) พร้อมวางจำหน่ายสิ้นปีนี้ และเป็นฟันเฟืองตัวสำคัญในการเพิ่มยอดขายกลุ่ม JTR แตะ 1 ล้านคัน ในปี 2563 และแข่งกับแบรนด์หรูด้วยกันอย่างสูสีมากขึ้น

รุ่นใหม่ไม่ง่าย ถ้าไม่เตรียมให้ดี โดนรับน้องแน่

สำหรับคู่แข่งก็คงไม่พ้นแบรนด์หรูจากเยอรมันอย่าง Mercedes-Benz และ BMW ที่มียอดขายทั่วโลกปีละกว่า 2 ล้านคัน ดังนั้นการจะเข้ามาแทรกตัวในตลาดคงไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไปกว่านั้น E-PACE ยังเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Jaguar ที่ไม่ได้ผลิตในอังกฤษ แต่ไปทำที่เมือง Graz ประเทศออสเตรียด้วย ทำให้ความคลังของรุ่นนี้อาจลดลงเล็กน้อย

ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารยังมีอยู่ครบครัน โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี

อย่างไรก็ตามแบรนดฺ์ Jaguar จะก้าวมาถึงจุดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่ได้มีการ Take Over จากลุ่ม Tata Motor จากประเทศอินเดียเมื่อปี 2551 พร้อมกับใส่เงินวิจัย และพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ กว่า 12,000 ล้านปอนด์ (ราว 5.2 แสนล้านบาท) จากเดิมที่มีแค่ Sedan และ Sport พร้อมกับเพิ่มกำลังคนเป็น 42,000 คน เพื่อรองรับการเติบโต

สรุป

เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน แบรนด์ก็คงต้องเปลี่ยนตาม และการซื้อรถยนต์แบบ SUV ในช่วงนี้กำลังเป็นทีนิยมอีกครั้ง ก็คงไม่แปลกที่หลากหลายแบรนด์จะมาลุยตลาดนี้ แต่ถึงจะเข้ามาก็ต้องแตกต่างด้วยความหรูหรา ไม่เหมือนกับแบรนด์ญี่ปุ่นที่ปัจจุบันมีแค่ Lexus ที่แข่งขันกับแบรนด์ยุโรปได้ ดังนั้นต้องจับตาดูว่า Jaguar จะผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดนี้ได้หรือไม่

ถึงแม้จะเล็ก แต่ความโอ่โถงในห้องโดยสารยังมีอยู่ และคงไว้ซึ่งความหรูหรา

อ้างอิง // Business Insider, Telegraph และรูปจาก media.jaguar.com

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา