ปี 2019 อุตสาหกรรมฟิตเนสในประเทศไทยเติบโตต่อเนื่องจนศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์มูลค่าตลาดนี้ไว้กว่า 10,000-12,000 ล้านบาท ผ่านจำนวนผู้ประกอบการ 816 ราย และมีผู้ออกกำลังกายในไทยกว่า 12.6 ล้านคน
แต่หลังโรคโควิด-19 ระบาด ธุรกิจฟิตเนสต่างประสบปัญหากันทุกราย และแม้จะหันมาให้บริการออนไลน์ แต่ก็ไม่สามารถชดเชยรายได้จากการให้บริการที่สาขาได้ และถึงตอนนี้ยังต้องลุ้นว่าตลาดจะกลับมาที่ 10,000 ได้หรือไม่
เกือบจะผ่านครึ่งแรกของปี 2023 อุตสาหกรรมฟิตเนสเป็นอย่างไรบ้าง ลองมาอ่านมุมมองของ แจ็ค โธมัส เจ้าของ Base หนึ่งในสตูดิโอฟิตเนสในไทย และผู้ร่วมก่อตั้ง The Fit Guide ไปด้วยกัน
ตลาดฟิตเนสยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ
แจ็ค โธมัส เจ้าของ Fitness Base เล่าให้ฟังว่า ในปี 2019 ภาพรวมตลาดฟิตเนสในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีสตูดิโอฟิตเนสเกิดขึ้นมากมาย และสตูดิโอเหล่านั้นยังมีแนวคิดการออกกำลังกายแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในไทย ส่วนฝั่งฟิตเนสที่มีสาขาจำนวนมากจะมีธุรกิจจากต่างประเทศเข้ามาบุกตลาดมากขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อโรคโควิด-19 ระบาด การเติบโตดังกล่าวหายไปในทันที และมีบางสตูดิโอฟิตเนสต้องปิดตัว รวมถึงผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ต้องหันไปสร้างรายได้ด้วยวิธีอื่น ซึ่งปัจจุบันภาพรวมตลาดฟิตเนสยังไม่กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับปี 2019
“ปี 2023 อุตสาหกรรมฟิตเนสคงต้องรออีกหน่อย เพราะความเชื่อมั่น และกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวไทยยังกลับมาไม่เต็มที่ ทำให้ตอนนี้มีเพียงชาวต่างชาติในไทยที่กลับมาใช้บริการกันอย่างเป็นปกติ และถึงคนไทยจะเริ่มรักสุขภาพมากขึ้น แต่ก็ต้องกลับมาย้อนดูเรื่องเงิน และเศรษฐกิจว่าพร้อมให้พวกเขากลับมาจับจ่ายในอุตสาหกรรมนี้หรือไม่”
อาจมีแบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาเพิ่ม
จากภาพรวมตลาดที่เริ่มฟื้นตัว อาจมีแนวโน้มที่แบรนด์ฟิตเนสขนาดใหญ่ และสตูดิโอฟิตเนสจากต่างชาติ เข้ามาให้บริการเพิ่มเติมในประเทศไทยเพื่อสร้างฐานเพื่อเตรียมพร้อมเติบโตไปกับตลาดที่จะฟื้นตัวหลังจากนี้ โดยกลุ่มที่น่าสนใจคือสตูดิโอฟิตเนสประเภทชกมวยเพื่อออกกำลังกายในส่วนต่าง ๆ
ขณะเดียวกัน เวลานี้ยังถือเป็นจุดที่น่าสนใจในการเริ่มต้นธุรกิจฟิตเนสขนาดเล็ก โดยเฉพาะฝั่ง Personal Trainer ที่เดิมทีต้องทำงานคู่กับฟิตเนสขนาดใหญ่ หรือสตูดิโอฟิตเนส จะสร้างสตูดิโอของตัวเอง เพราะตลาดกำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมเรื่องเงินทุน, สถานที่ และการเข้าใจธุรกิจ ไม่ใช่เน้นเพียงการโค้ชออกกำลังกายที่ดี
“กรุงเทพถือเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการเปิดสตูดิโอฟิตเนส คล้ายกับกัวลาลัมเปอร์ และสิงคโปร์ แต่ที่สตูดิโอฟิตเนสในกรุงเทพยังมีไม่มาก เพราะกำลังในการจับจ่ายยังไม่มากเท่าที่สิงคโปร์ ดังนั้นการวางแผนเปิดฟิตเนสเฉพาะทาง หรือมีแนวทางการออกกำลังกายแบบใหม่ จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องนี้ว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่”
Base ที่พยายามกลับมาเติบโตเต็มที่
สำหรับ Base ปัจจุบันเป็นสตูดิโอฟิตเนสในประเทศไทย มีทั้งหมด 3 สาขา ในกรุงเทพ มีค่า Class Membership เริ่มต้น 5,400 บาท/เดือน ใช้บริการฟิตเนสได้ 16 ครั้ง/เดือน นาน 3 เดือน และมีบริการ Personal Training เริ่มต้นครั้งละ 2,350 บาท ใช้บริการได้ 2 ครั้ง/สัปดาห์ สัญญา 8 สัปดาห์
“ในปี 2024 เราอยากเปิด Base เพิ่มอีก 1 แห่ง และพยายามฟื้นธุรกิจให้กลับมาโตเท่ากับปี 2019 ให้ได้ เพราะตอนนี้ฝั่ง Personal Training เริ่มกลับมาแล้ว แต่กลุ่ม Class Training ยังกลับมา 80% ที่สำคัญเรายังติดปัญหาคนไทยยังไม่กลับมาใช้บริการเหมือนในอดีต ทำให้ปัจจุบันมีเพียงชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการเป็นหลัก”
Base มีลูกค้าชาวไทยในสัดส่วน 75% ของลูกค้าทั้งหมด และเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ Base มีแผนขยายไปที่สิงคโปร์ เนื่องจากตัวเลขอัตราผู้เป็นสมาชิกฟิตเนสในประเทศไทยค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ที่คิดเป็น 7-8% ของประชากร และในสหรัฐอเมริกาที่เป็นผู้นำตลาดนี้มีสัดส่วนที่ 20% ของจำนวนประชากร
เปิด The Fit Guide เพิ่มโอกาสรายได้
เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างช่องทางรายได้ใหม่ แจ็ค โธมัส ได้ร่วมก่อตั้ง The Fit Guide แพลตฟอร์มให้คะแนนสตูดิโอฟิตเนส เพื่อสร้างมาตรฐานกลาง และเพิ่มความเชื่อใจให้กับผู้บริโภคในการเข้าไปใช้บริการ คล้ายกับการให้คะแนนมาตรฐานในอุตสาหกรรมร้านอาหาร และโรงแรม
“เราเริ่มต้นที่นิวยอร์ก, ลอนดอน และสิงคโปร์ ส่วนในกรุงเทพอยู่ระหว่างวางแผน เพราะฟิตเนสในกรุงเทพเปลี่ยนไปมาก หลายที่มีคุณภาพมากกว่าเดิม และเราอยากช่วยพวกเขาสื่อสารให้คนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายว่าที่นี่ดี และให้บริการคุ้มค่ากับที่เสียค่าบริการ”
The Fit Guide จะช่วยให้สตูดิโอฟิตเนสรู้มาตรฐานตัวเองว่าเป็นอย่างไรเพื่อนำไปปรับแก้ไข และใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยทำตลาด ควบคู่ไปกับการช่วยให้ยิมต่าง ๆ ทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเติบโตไปด้วยกันกับแพลตฟอร์มนี้ โดยปัจจุบัน The Fit Guide ให้บริการผ่านเว็บไซต์เท่านั้น และจะมีการพัฒนาแอปพลิเคชันภายหลัง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา