แม้ปีนี้จะมีวิกฤตโควิด-19 ตลาดหุ้นมีความผันผวนเป็นอย่างมาก แต่กลับทำให้นักลงทุนเห็นเป็นโอกาสเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นจำนวนมาก โดยในปีนี้เราพบยอดการเปิดบัญชีซื้อขายใหม่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนบุคคลกลับมามีสัดส่วนสูงขึ้นแตะเกือบครึ่งของปริมาณการซื้อขาย จากที่เคยตกต่ำลงในช่วงก่อนหน้า ซึ่งปรากฏการณ์เพิ่มขึ้นของนักลงทุนบุคคลนี้ ดูเหมือนเป็นกันทั่วโลกไม่เพียงแค่ประเทศไทยเรา
ในสภาวะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมากและมีความผันผวน ทำให้คนรุ่นใหม่เห็นเป็นจังหวะเข้ามาลงทุน และประกอบกับช่วงล็อกดาวน์ที่หลายๆ คนได้ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ทำให้มีเวลาหันมาสนใจเรื่องการลงทุนมากขึ้น โดยจากสถิติของเราจะพบว่า ในปีนี้ ในกลุ่มคนที่เปิดบัญชีใหม่นั้น จะคนรุ่นใหม่อายุ 20-30 ปี กลายเป็นกลุ่มคนที่มีสัดส่วนการเปิดบัญชีสูงที่สุดแซงหน้ากลุ่มคนอายุ 30-40 ปี ซึ่งเดิมเป็นกลุ่มที่ครองยอดการเปิดบัญชีสูงสุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นเพราะการเปิดบัญชีสมัยนี้ทำได้ง่าย ผ่านทางอินเทอร์เน็ต และคนรุ่นใหม่ได้มีการศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุนดีขึ้นจึงกล้าเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น
ในสภาวะที่หุ้นได้ปรับตัวลงมาเยอะพอสมควร ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นปรากฎการณ์ที่ต่างจากหลายๆ ปีที่ผ่านมาที่เรามักจะเห็นนักลงทุนหน้าใหม่แห่กันเข้าตลาดเยอะในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวสูงขึ้น และสร้างผลตอบแทนมาแล้วระดับหนึ่งแล้วจึงจะดึงดูดให้คนมาสนใจ แต่ในปีนี้นักลงทุนหน้าใหม่มาในโอกาสที่ดัชนีตกต่ำ ซึ่งคงเป็นผลจากการที่ได้มีการศึกษาถึงประวัติศาสตร์ของตลาดทุนที่พบว่า ในวิกฤตย่อมมีโอกาส ซึ่งนับเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก
และหากเราเจาะเข้าไปดูต่อว่า นักลงทุนหน้าใหม่ปีนี้สนใจลงทุนหุ้นแนวไหนกัน เราพบว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจลงทุนในหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่านักลงทุนที่เปิดบัญชีมาก่อนปีนี้ กล่าวคือ มูลค่าการซื้อขายจะอยู่ในกลุ่มหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง ร้อยละ 3-6 ต่อปีมากที่สุด รองลงมาจึงเป็นกลุ่มที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผล ร้อยละ 0-3 ต่อปี ซึ่งแสดงว่า คนกลุ่มนี้อาจมีมุมมองการลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงมากขึ้น เพื่อชดเชยกับสภาวะความเสี่ยงตอนนี้
แต่ในขณะเดียวกันถ้าดูในแง่ของระยะเวลาของการถือครองแล้วพบว่า นักลงทุนรุ่นใหม่จะถือครองหุ้นกันไม่ยาวนัก โดยมีสัดส่วนของคนที่ถือครองไม่เกิน 1 เดือน สูงกว่านักลงทุนที่เปิดบัญชีมาก่อนปีนี้ ซึ่งอาจเป็นเพราะความที่เป็นคนรุ่นใหม่ ตัดสินใจรวดเร็ว และยิ่งสภาวะตลาดที่มีความผันผวนต่อเนื่อง ทำให้มองเห็นความไม่แน่นอนจึงถือโอกาสในการทำกำไร หรือพร้อมที่จะตัดขาดทุนกันได้รวดเร็ว
ดังนั้น เมื่อเห็นจำนวนของคนรุ่นใหม่ที่สนใจการลงทุนขนาดนี้ ประกอบกับความก้าวหน้าเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตทำให้ข้อมูลข่าวสารเข้าถึงกันได้รวดเร็ว เราพบว่า หลายครั้งที่เราได้จัดคลาสเรียนการลงทุนออนไลน์ในหัวข้อต่างๆ จะยิ่งมี นักลงทุนเข้ามาชม และถามตอบกันอย่างคึกคัก ยิ่งกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก การนำพานักลงทุนคนรุ่นใหม่ให้ไปสู่ แนวทางการลงทุนที่ถูกต้องและให้รู้จักวิธีการลงทุนและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมจะเป็นงานสำคัญของเราในปีนี้ เพราะสภาพเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้นี้จะยังคงมีความท้าทายหลายประการที่เป็นทั้งปัจจัยที่สร้างโอกาสหรือกลายเป็นอุปสรรคสำหรับการลงทุนให้เราต้องศึกษาและวิเคราะห์ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมได้อีก
ผมเชื่อว่า หากมีการให้ความรู้และมุมมองแก่นักลงทุนหน้าใหม่ได้ดีๆ แล้ว เราจะได้ “นักลงทุนรุ่นโควิด-19” ที่จบการศึกษาแบบมีความรู้และได้สั่งสมประสบการณ์ในช่วงวิกฤต เพื่อที่จะช่วยสร้างฐานนักลงทุนที่มีคุณภาพของประเทศได้ ดังนั้นขอให้ทุกท่านที่สนใจเพิ่มพูนความรู้ด้านการลงทุนสามารถติดตามงาน เพื่อนักลงทุนของหลักทรัพย์บัวหลวงเราได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้นะครับ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา