ทำงาน พีอาร์ เหมือนก่อปราสาททราย.. ต้องกอบเก็บทรายทุกเม็ดใกล้ตัว…แนวคิดการทำงานของ พีอาร์ โฟกัส

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ อะไรก็ go digital กันหมด โดยเฉพาะในวงการข่าวธุรกิจที่ต้องมีความดิจิทัล ทั้งตัวสื่อ รวมถึง พีอาร์ (Public Relation) ผู้ทำหน้าที่ประสานงานและเตรียมความพร้อมด้านข้อมูลต่างๆ ดังนั้นการวัดประสิทธิภาพของงานข่าวธุรกิจต่างๆ พีอาร์ จึงเป็นอีกหนึ่งกลไกที่สำคัญเช่นเดียวกัน

ประภาส จรสรัมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท พีอาร์ โฟกัส จำกัด บอกว่า พีอาร์ ยุคใหม่จะทำงานแบบเดิมไม่ได้ ต้องรู้ว่า Media Landscape เป็นอย่างไร ซี่งในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก และจากประสบการณ์ในการทำงาน พีอาร์ มากว่า 30 ปี นอกจาก จะต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลแล้ว ยังต้องทำความเข้าใจกับลูกค้า เกี่ยวกับการสื่อสารในยุค go digital ที่ต้องผสมผสานกันทุกสื่อ การได้ลงข่าวในสื่อหลัก หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ นิตยสาร ยังต้องทำ และ สื่อออนไลน์ ก็ต้องเน้นหนักมากขึ้น ในยุคนี้ การทำงาน เพื่อให้ข่าวเผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เข้าใจกัน โดยเฉพาะ สื่อออนไลน์ กลายเป็นสื่อที่มีมูลค่าในตัวเองเกือบทั้งหมด

ที่ผ่านมา พีอาร์ โฟกัส มีลูกค้าระดับชั้นนำในหลากหลายธุรกิจ เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง อาทิ ยิปซัม ตราช้าง (Gypsum TraChang), แบล็คแคนยอน (Black Canyon), คอฟฟี่ เวิลด์ (Coffee World), ไซโก (Seiko), ทรู คอร์ปอเรชั่น (True), ศูนย์การค้าเมกาบางนา (Mega Bangna), ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ (River City), คิวท์เพรส (Cute Press), มิตซูบิชิ เอลเวเลเตอร์ Mitsubishi Elevator) ,เบียร์ช้าง (Chang) และ แม่โขง (Mekhong) ฯลฯ

อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าองค์กรใหญ่ๆ เลือกใช้บริการของ พีอาร์ โฟกัส

ทำงานใกล้ชิด เคียงข้างลูกค้า

ประภาส บอกว่า ส่วนตัวรักในอาชีพพีอาร์ หลังจากทำงานในฐานะพีอาร์องค์กร ของบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่ง ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ จนมากพอและตัดสินใจออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง คือ พีอาร์ โฟกัส (PR Focus) โดยในแต่ละปีจะรับลูกค้าไม่มาก แต่ละธุรกิจจะรับเพียง 1 รายเท่านั้น ข้อดี คือ ลูกค้าทุกรายจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ทำงานกันแบบเป็นพันธมิตรที่พร้อมให้คำแนะนำปรึกษา เพื่อให้ทำงานสำเร็จไปได้บนข้อจำกัดที่แต่ละองค์กรมี ทำงานแบบมืออาชีพ ดังนั้นหากลูกค้าต้องการอะไร จะสามารถให้คำปรึกษาได้ทันทีในฐานะพีอาร์ ไม่ต้องผ่าน AE หรือ Sale นี่คือจุดเริ่มต้นของการทำงานที่เร็วและมีประสิทธิภาพ บนความเข้าใจ และนำมาซึ่งความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า

“PR บริษัทใหญ่ทำงานร่วมกันหลายแผนก ต้องใช้เวลามากหน่อยกว่าจะทำความเข้าใจ กว่าจะรู้ข้อจำกัด และความต้องการของลูกค้า ส่วน PR Freelance ถ้าเลือกพลาด ก็อาจจะทำงานไม่เสร็จ..หนีหายไปเฉยๆ สำหรับ พีอาร์ โฟกัส  แม้จะเป็นบริษัทเล็กๆ แต่มีบุคลากรที่เข้าใจและรักงานพีอาร์ ทำงานด้วยความรับผิดชอบสูง สามารถคุยกันได้แบบไม่มีฟอร์มที่มาจะปิดกั้นไอเดียต่างๆ เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ ที่สำคัญคือ มีค่าบริการสมเหตุผล”

งาน พีอาร์ เน้นสร้างภาพลักษณ์..แล้วยอดขายจะตามมาอย่างไม่หยุดยั้ง

จุดเริ่มต้นของการทำงาน พีอาร์ นั้น ประภาส เล่าว่า ต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าให้ชัดเจนก่อนว่า คือ การสร้างแบรนด์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ผ่านการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ทั้งการส่งข่าว, การติดต่อประสานงานกับสื่อมวลชน, การจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ รวมไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในบทบาทต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้สู่สาธารณะชน ให้รู้จักแบรนด์นั้นมากขึ้น เกิดความรู้สึกดีๆ ต่อแบรนด์ ซึ่งจะเป็นอารมณ์และความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่า “โฆษณา” ดังนั้น แบรนด์ที่ใช้งานพีอาร์ ต้องมีความเข้าใจก่อนว่า งานพีอาร์ ต้องใช้ระยะเวลา ทำไปเรื่อยๆ เหมือนน้ำซึมบ่อทราย สิ่งที่ตามมาก็คือ การอุดหนุนสินค้าและบริการจากลูกค้า ที่จะหลั่งไหลมาแบบไม่หยุดยั้ง

“หลายธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจใหม่ๆ อาจเข้าใจว่า พอทำ พีอาร์ ปุ๊บปั๊บ แล้วจะช่วยสร้างยอดขายให้ทันที อยากบอกว่า  ไม่ใช่ หากลูกค้าต้องการเพิ่มยอดขายตามเป้า จะแนะนำเลือกใช้งานโฆษณาเป็นหลัก สำหรับ พีอาร์ คือการสร้าง Emotion และสนับสนุนยอดขายในทางอ้อม เป็นอีกเครื่องมือที่จะช่วยสนับสนุนงานโฆษณา พอสร้างแบรนด์แข็งแกร่งแล้ว จะช่วยสนับสนุนรายได้ในระยะยาวๆ”

จุดที่สำคัญคือ การทำ PR ต้องทำทั้ง online และ offline ควบคู่กันไป สื่อ offline หรือสื่อหลักเดิมจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ขณะที่สื่อ online ซึ่งเป็นสื่อใหม่ จะทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลให้กับผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคยุคนี้จะใช้วิธีการ search หาข้อมูลจากหลายแหล่ง ยิ่งมีการกล่าวถึงก็จะยิ่งมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

สร้างสื่อโซเชี่ยล เพิ่มช่องทางการสื่อสาร

ประภาส บอกว่า การเป็น พีอาร์ ในยุคดิจิทัล ที่สื่อ โซเชียลเน็ตเวิร์ก มีอิทธิพลอย่างมาก การทำพีอาร์ ที่ประสานงานกับสื่อมวลชนเพียงด้านเดียว ไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบถ้วน ดังนั้น พีอาร์ โฟกัส จึงได้สร้างช่องทางเผยแพร่ข่าวของตัวเอง เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า เสริมจากการทำงานกับสื่อมวลชนในสื่อหลัก โดยทำร่วมกับกลุ่ม Media & Blogger Club, กลุ่ม Blogger ระดับชั้นนำ ในทุกๆ ด้าน มีบริการทำ Seeding และ SEO ยิ่งไปกว่านั้น ยังมี Page Facebook ที่ได้รับความสนใจจากสังคมออนไลน์อย่างมาก มียอด Like ทะลุหลักแสน อันเป็นการยืนยันแนวคิดที่ว่า พีอาร์ ยุคใหม่ ต้องมีสื่ออยู่ในมือ

สำหรับ Page Facebook “ข่าวแซ่บ” https://www.facebook.com/khaozab นำเสนอข่าว Variety มียอด Like 137,000 และ Page Facebook “กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว” https://www.facebook.com/kinkamtui นำเสนอเนื้อหาตรงตามชื่อคือ เน้นร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ที่พักต่างๆ รวมไปถึงเรื่องไลฟ์สไตล์ มียอดแฟนเพจ Like กว่า 288,000 โดยทั้ง 2 ช่องทาง มี engagement และผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังมีทีมโปรดักชั่นผลิตงานวิดีโอ เพื่อให้บริการผลิตคลิปข่าวกับลูกค้าต่างๆ รวมไปถึงให้บริการแก่ผู้สนใจใช้บริการทั่วไป นอกจากนี้ ข่าวต่างๆ จะมีการต่อยอด นำไปเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.khaozab.com รวมถึงเป็นช่องทางนำเสนอข่าวสารอื่นๆ ที่น่าสนใจในกลุ่มของ พีอาร์ โฟกัส ไม่ว่าจะเป็น Blog, Youtube Chanel, Instagram และ Twitter ครบทุกด้าน

“เดี๋ยวนี้การเผยแพร่ลงข่าวประชาสัมพันธ์ผ่าน Page ต่างๆ ล้วนมีค่าบริการตามมาเกือบหมด โดย Page ที่มีผู้ติดตามเยอะๆ ก็จะยิ่งมีราคาสูง จึงอยากให้แบรนด์เข้าใจว่าการทำพีอาร์ ยุคใหม่นี้ บางส่วนต้องมีงบสนับสนุบเพิ่มเติม การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อ ต้องขยายให้ครอบคลุมถึงสื่อออนไลน์ด้วย ในส่วนของ พีอาร์ โฟกัส ก็พยายามสร้างช่องทางเพิ่มเติมให้ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด”

พีอาร์ คือการสร้างปราสาททราย สวยงาม และต้องดูแล

ในฐานะที่อยู่วงการพีอาร์ มายาวนาน ประภาส บอกว่าการทำพีอาร์ ก็เหมือนการสร้างปราสาททราย ต้องใช้เวลา..พิถีพิถัน ต้องกอบเก็บทรายทุกเม็ดรอบๆ ตัวมารวมกัน จนกระทั่งสร้างเสร็จและได้ปราสาททรายที่สวยงาม เช่นเดียวกัน การทำพีอาร์ สื่อทุกๆ สื่อ ไม่ว่าจะเป็นใหญ่หรือเล็ก ล้วนมีความสำคัญ เสมือนเม็ดทรายแต่ละเม็ดที่จะมาช่วยต่อเติมเสริมสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง

“หลายแบรนด์เลือกสื่อใหญ่เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง สื่อที่ใช่ คือสื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหญ่ได้ดีที่สุด สื่อใหญ่ 1 ราย กับสื่อเล็ก 10 ราย ชั่งน้ำหนักแล้วอาจจะพอๆ กัน หรือ อาจจะบอกไม่ได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน ดังนั้น ด้วยงบประมาณที่พอเหมาะและหนทางที่ดีที่สุดก็คือ เลือกใช้สื่อในทุกช่องทางให้เกิดประโยชน์มากที่สุด”

เพราะในยุคดิจิทัลสื่อใหญ่หรือสื่อเล็ก นั่นอาจไม่สำคัญ เท่ากับการ ทำอย่างไรให้ถูก search และ พบเจอ..ในที่สุด

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ บริษัท พีอาร์ โฟกัส จำกัด เพิ่มเติมได้ที่ www.prfocus.co.th
ติดต่อได้ที่ 083-701-2838, 02-654-7551-2

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา