อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว กระทบอะไรกับคนที่กำลังผ่อนบ้าน

เมื่อช่วงต้นปี 2022 เกี่ยวกับข่าวนโยบายดอกเบี้ยที่ผ่านมา อาจสร้างความกังวลให้หลายคนไม่น้อยเลยที่เดียวสำหรับใครที่กำลังผ่อนบ้าน หรือกำลังตัดสินใจขอสินเชื่อบ้านอยู่ เมื่อสถาบันการเงินเริ่มทยอยยกเลิกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) เปลี่ยนมาเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating Rate) เพราะฉะนั้นเพื่อการเตรียมวางแผนการผ่อนบ้านของเราให้เหมาะสมในยุคดอกเบี้ยขาขึ้นแบบนี้ เรามาทำความรู้จักเจ้าอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวให้มากขึ้นกันก่อนดีกว่าว่าคืออะไร? มีผลกระทบอย่างไร แล้วคนที่กำลังผ่อนบ้านจะมีวิธีเตรียมรับมืออย่างไรกับสถานการณ์นี้ ไปหาคำตอบได้ผ่านบทความนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย

krungsri
ภาพจาก Shutterstock

อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว คืออะไร มีผลกระทบอย่างไรกับคนกู้บ้าน 

อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกำหนดไว้แบบไม่ตายตัว โดยขึ้นอยู่กับกลไกการตลาดทางเศรษฐกิจ หรือเทรนด์ในปัจจุบันของธนาคารที่อ้างอิงไว้ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ  ซึ่งจะสามารถปรับขึ้นลงได้ตามตามดอกเบี้ยอ้างอิงของของธนาคาร ณ ช่วงเวลานั้น 

ดังนั้นเพื่อให้ได้เข้าใจง่ายมากขึ้น เราจะขอแทรกความหมายของอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้สักเล็กน้อย ก่อนจะพาทุกคนไปดูผลกระทบที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยลอยตัวกัน

อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ใช้อ้างอิงถึงในสัญญาทางการเงินประเภทอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว อย่างเช่นสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะตลาดการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนเงินดอกเบี้ยที่จ่ายเปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่ใช้สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ก็คือ MRR (Minimum Retail Rate)

  • หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการปรับเพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยที่เรากำลังใช้อยู่เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เราจะต้องเสียดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้น แม้ว่ายอดค่าผ่อนบ้านในแต่ละเดือนของเราจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ก็จะตัดชำระส่วนของดอกเบี้ยมากขึ้น ทำให้ตัดส่วนของเงินต้นน้อยลงอีกด้วย
  • หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงปรับลดลง ผู้ที่กำลังผ่อนบ้านอยู่ก็จะเสียดอกเบี้ยลดลงโดยในยอดผ่อนชำระรายเดือนที่เราจ่ายเท่าเดิม ก็จะสามารถตัดชำระส่วนของเงินต้นได้มากขึ้นนั่นเอง ก็จะทำให้เราผ่อนบ้านหมดไวมากขึ้น แต่ทั้งนี้เราจะไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ใช้อ้างอิงจะปรับขึ้นหรือลงเมื่อไหร่ ซึ่งเราสามารถดูได้จากประกาศของธนาคารพาณิชย์

krungsri

อัตราดอกเบี้ยลอยตัวส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง?

การปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยนั้นเริ่มจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายก่อน และหลังจากนั้นธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ จะพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อของตัวเอง โดยผู้กู้จำเป็นจะต้องติดตามข่าวสารได้จากธนาคารพาณิชย์ที่เราใช้บริการอยู่ ซึ่งถ้าหากดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น เราอาจจะต้องเตรียมวางแผนการผ่อนบ้านให้อย่างรัดกุม เพราะสถานการณ์ดังกล่าวนี้จะส่งผลกระทบถึงเราแน่นอน

เราลองมานึกภาพตามไปพร้อม ๆ กัน หากเรากำลังอผ่อนบ้านอยู่ เมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อบ้านปรับขึ้น จากเดิมที่เราเคยผ่อนมาแล้วกว่า 10 ปี เหลือเวลาผ่อน 18 ปี แต่ด้วยสถานการณ์ที่ดอกเบี้ยมีการปรับตัวขึ้นขึ้น เงินผ่อนเราเท่าเดิม แต่เงินต้นแทบไม่ลดลงเลยอาจส่งผลให้เราต้องผ่อนบ้านหลังเดิมยาว ๆ ไปเป็นระยะเวลา 20 ปี หรือมากกว่านั้น 

จะเห็นได้ว่านี่ก็เป็นผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวที่หากเราไม่วางแผนรับมือให้ดีก็จะส่งผลต่อการบริหารจัดการเงินของเราในอนาคตแน่ ๆ เพื่อให้ผู้กู้ที่กำลังประสบเจอปัญหาอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ ณ ขณะนี้เตรียมรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เราเลยได้เตรียมผู้ช่วยที่ดีที่สุดในวินาทีนี้มาแนะนำให้แล้วนั่นก็คือ สินเชื่อบ้านซุปเปอร์เซฟวิ่ง  ไม่ต้องโปะ เงินกู้หมดเร็ว

ซึ่งสินเชื่อตัวนี้มีสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้าที่ขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ที่จะเข้ามาช่วยให้คุณผ่อนบ้านหมดเร็ว เสียดอกเบี้ยลดลง เหมาะกับในยุคดอกเบี้ยลอยตัว โดยคุณสามารถขอเข้าร่วมโครงการสินเชื่อบ้านซุปเปอร์เซฟวิ่งได้เพียงมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์จัดให้ที่ร่วมรายการกับธนาคารกรุงศรีทั้งนี้โปรดศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของสินเชื่อบ้านซุปเปอร์เซฟวิ่งได้จากสื่อต่าง ๆ ของธนาคารได้

krungsri
ภาพจาก Shutterstock

ดังนั้น ถ้าหากเรายิ่งมีเงินฝากเยอะก็จะยิ่งจ่ายดอกเบี้ยน้อยลงเรียกได้ว่าจากเดิมเราได้ดอกเบี้ยที่ต่ำแล้ว ก็ยังสามารถต่ำลงได้อีก และเมื่อเราสามารถลดภาระดอกเบี้ยบ้านได้เยอะมากเท่าไหร่เงินต้นของเราจะหมดไวเท่านั้น ช่วยสานฝันการเป็นเจ้าของบ้านจริง ๆ ได้ง่าย และไวยิ่งขึ้นและด้วยสิทธิประโยชน์ที่ให้เราจ่ายดอกเบี้ยต่ำตลอดอายุสัญญาขนาดนี้ ทำให้เราไม่มีความจำเป็นต้องรีไฟแนนซ์บ่อย ๆ อีกต่อไป 

นอกจากนี้ เงินฝากของเราที่นำมาใช้ลดภาระดอกเบี้ย ก็ไม่ได้หายไปไหน ยังได้ดอกเบี้ยตามปกติ และสามารถเบิกถอนได้ เพียงเท่านี้เราก็สามารถรับมือกับอัตราดอกเบี้ยลอยตัวกันได้แล้ว ซึ่งดีกว่าการจ่ายโปะบ้าน ที่โปะแล้วโปะเลย ไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ได้อีก

เมื่อเข้าใจความหมาย และเรื่องราวของอัตราดอกเบี้ยลอยตัวแล้ว สำหรับใครที่กำลังเตรียมวางแผนกู้ซื้อบ้านจะเห็นได้ว่าเรื่องของดอกเบี้ยก็เป็นเรื่องใกล้ ๆ ตัวที่เราไม่ควรมองข้าม สุดท้ายนี้ถ้าหากทุกคนเรียนรู้วิธีรับมือเอาไว้ และวางแผนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยเราประหยัดดอกเบี้ย และผ่อนบ้านหมดไวยิ่งขึ้นนั่นเอง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา