photo : pixabay
อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับรถยนต์ของตัวเอง แต่ถึงแม้เราจะมีสติในการขับขี่มากแค่ไหนก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุจากผู้ใช้รถ ใช้ถนนคันอื่นๆ ดังนั้นการมีประกันภัยรถยนต์ไว้ก็ช่วยให้เราสบายใจได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน
แต่ประกันภัยรถยนต์เองก็มีหลากหลายประเภท อย่างที่เคยได้ยินกันว่ามีชั้น 1 2 3 แถมยังมีแบบพลัสอีก แล้วมันแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนจะเหมาะกับเรา มาลองดูกัน
ประกันภัยรถยนต์มีแบบไหนบ้าง
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
เป็นประกันภัยที่ให้การคุ้มครองมากที่สุด รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ของเรา ชีวิต ทรัพย์สิน รวมถึงร่างกายของคู่กรณีหากเราเป็นฝ่ายผิด รวมทั้งครอบคลุมกรณีรถหายและไฟไหม้ น้ำท่วม การประกันตัวผู้ขับขี่ อีกด้วย อีกเรื่องหนึ่งคือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ครอบคลุมกรณีที่คุณเผลอไปขับชนหรือเกิดความเสียหายแบบไม่มีคู่กรณีด้วยเช่น จอดรถไว้แล้วมีคนมาเฉี่ยวชนรถเราจนได้รับความเสียหาย
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+
เป็นประกันภัยที่คุ้มครองแทบจะเหมือนกับประกันภัยชั้น 1 รวมทั้งกรณีรถหาย ไฟไหม้ เพียงแต่ไม่คุ้มครองกรณีที่เกิดการชนแบบไม่มีคู่กรณีและกรณีเกิดความเสียหายต่อกระจกรถยนต์
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2
เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันภัยชั้น 1 ซึ่งรวมทั้งกรณีรถหายและไฟไหม้ด้วย เพียงแต่หากเกิดความเสียหายกับรถจะต้องจ่ายเอง หรือพูดง่ายๆ ก็คือคุ้มครองแค่คู่กรณีเท่านั้น
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
ประกันภัยชั้น 3+ จะตัดในส่วนของการคุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม กระจกรถยนต์ และกรณีเกิดการชนแบบไม่มีคู่กรณี แต่ยังคุ้มครองรถยนต์ของเราอยู่
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
ประกันภัยชั้น 3 หากเราเป็นฝ่ายผิดคุ้มครองเฉพาะคู่กรณี ไม่คุ้มครองรถของเรา
แล้วประกันแต่ละแบบเหมาะกับใครบ้าง
ประกันภัยชั้น 1
- รถใหม่ป้ายแดงมักจะได้ประกันชั้น 1 มาเป็นของแถมอยู่แล้ว แต่หากในปีที่ 2 เจ้าของรถต้องการได้ความคุ้มครองแบบเดิมรวมทั้งมีงบพอสมควรเพราะราคาจะแพงที่สุด
- คนที่ยังขับรถไม่ชำนาญเพราะมีสิทธิขับไปเฉี่ยวชนได้
- คนที่ใช้รถบ่อย ใช้รถทุกวัน รวมทั้งคนที่ใช้รถออกต่างจังหวัดบ่อยๆ
ประกันชั้น 2+ และ 3+
- รถที่ใช้งานอาจจะไม่บ่อยมาก ไม่ได้ออกบ้านทุกวัน
- เจ้าของรถที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ย หรือมีความชำนาญในการขับขี่พอสมควร
- รถที่อายุมากกว่า 7 ปี
ประกันชั้น 2 และ 3
- เจ้าของรถที่มีความชำนาญในการขับขี่มาก มีความเสี่ยงที่จะขับขี่ไปชนคนอื่นน้อย หรืออยู่ในพื้นที่ที่การจราจรไม่คับคั่ง เช่น ต่างจังหวัดหรือต่างอำเภอ
- รถที่อายุมากกว่า 7 ปี
จะตัดสินใจเลือกประกันภัยรถยนต์ต้องเช็คอะไรบ้าง
เลือกประกันที่เหมาะกับการใช้งาน การขับขี่ ความคุ้มค่า
เริ่มต้นจากการสำรวจตัวเองก่อนว่ามีการใช้รถมากน้อยแค่ไหน อายุรถกี่ปี ต้องขับขี่ในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นมากน้อยแค่ไหน จอดไว้ในบ้าน หรือจอดไว้นอกบ้าน เพราะเรื่องเหล่านี้จะสามารถทำให้เราประเมินได้คร่าวๆ ว่าเราควรทำประกันชั้นไหน
ซ่อมศูนย์ VS ซ่อมอู่
เชื่อว่าหลายคนจะงงกับคำสองคำนี้อย่างแน่นอนระหว่างซ่อมศูนย์กับซ่อมอู่เราควรเลือกอะไรดี หากบ้านคุณอยู่ใกล้ศูนย์บริการแนะนำว่าให้เลือกซ่อมศูนย์ไปเลย เพราะจะได้รับการบริการ อะไหล่ การซ่อมตามมาตรฐานของศูนย์บริการอยู่แล้ว แต่หากคุณไม่ได้อยู่ใกล้ศูนย์บริการ อาจจะเลือกอู่ดีๆ สักที่หนึ่งแล้วตรวจสอบว่าอู่นี้มีประกันเจ้าที่เรากำลังสนใจอยู่หรือไม่ การที่เราซ่อมไม่ตรงกับประกันของเราจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากบริษัทประกัน ดังนั้นควรพิจารณาเรื่องนี้ให้ดีก่อนจะทำการซื้อประกันภัยรถยนต์
ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเลือกซื้อประกันภัยนั้นความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ต้องพิจารณาเช่นกันเนื่องจากส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้บริการ คุณภาพการให้บริการเมื่อเราประสบอุบัติเหตุ หรือแม้กระทั่งความมั่นคงของบริษัทในสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี
งานบริการหลังการขาย ติดต่อยากง่ายเมื่อคุณประสบอุบัติเหตุ
หากวันใดวันนึงคุณประสบอุบัติเหตุแล้วต้องการติดต่อประกันเพื่อให้มา ณ ที่เกิดเหตุคุณคงต้องการให้พนักงานของบริษัทประกันมาถึงด้วยความรวดเร็ว และทำงานฉับไว เป็นขั้นเป็นตอน รวมทั้งให้ความช่วยเหลือเราเต็มที่ ไม่ทิ้งเราหายไป ดังนั้นการพิจารณาจากผู้ที่เคยซื้อประกันแต่ละเจ้าก็เป็นเรื่องสำคัญ
ซื้อผ่านโบรกเกอร์มักจะได้ส่วนลดและมีของแถมให้เสมอ
หลายคนเลือกซื้อประกันกับโบรกเกอร์ประกันภัยเนื่องจากมีการเปรียบเทียบค่าเบี้ยประกันจากหลายบริษัทให้เราทันที ทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องหาข้อมูลเอง รวมทั้งมีของแถมและส่วนลดให้ค่อนข้างเยอะหากเราเป็นลูกค้าที่ประวัติดี ไม่เคยมีการชน หรือการเคลมมาก่อน แต่ก็ต้องพิจารณาโบรกเกอร์แต่ละเจ้าให้ดีไม่ต่างจากการพิจารณาบริษัทประกันภัย
เพราะเบี้ยประกันภัยราคาไม่ได้ถูก รวมทั้งความคุ้มครองของประกันภัยแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้นควรศึกษาให้ดีเพื่อที่จะได้เลือกซื้อประกันภัยที่เหมาะกับเรา และได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมกับรถยนต์ของเรามากที่สุด
ที่มา : autospinn.com, roojai.com
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา