อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ ชี้ปี 2024 อุตสาหกรรมการจัดอีเวนต์ฟื้น 100% คอนเสิร์ตใหญ่ งานประเภทอื่นจัดเพียบ ปัจจัยหลัก ผสานกับภาครัฐสนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์เต็มที่ ทำปี 2024 บริษัทหวังปิดรายได้ 1,200 ล้านบาท และปี 2025 จะเติบโตกว่า 15-20% เตรียมจัดงานตัวเองเสริมรายได้มากกว่าแค่รับงาน
ภาพรวมตลาดอีเวนต์ฟื้น 100%
เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ. อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เล่าให้ฟังว่า ในปี 2025 ภาพรวมตลาดงานอีเวนต์จะเติบโตยิ่งกว่าที่เกิดขึ้นในปี 2024 เนื่องจากภาครัฐ และภาคเอกชนกล้าเข้ามาใช้จ่ายกับเรื่องนี้มากขึ้น รวมถึงผู้บริโภคในไทย และต่างประเทศ ต่างสนใจเข้ามาร่วมงานอีเวนต์ต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในไทยเช่นกัน
“ตัวอย่างที่ชัดเจนคืองานคอนเสิร์ตที่ในปี 2024 นั้นได้ผลตอบรับค่อนข้างดี โดยเฉพาะคอนเสิร์ตใหญ่ที่มีทั้งคนไทย และชาวต่างชาติที่บินมารับชม เช่น ชาวจีน, เกาหลี และอื่น ๆ ซึ่งเรื่องนี้ดีต่อภาพรวมวงการอีเวนต์ จนสร้างเงินหมุนเวียนที่เกี่ยวกับธุรกิจอีเวนต์ได้จำนวนมาก”
ขณะเดียวกันฝั่งรัฐบาลมีการสนับสนุนเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ และเน้น Mega Festival ช่วยเพิ่มความมั่นใจในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอีเวนต์จนบริษัทได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ และสามารถปิดรายได้ได้กว่า 1,200 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2024 ได้ตามเป้าหมาย
จัดงานตัวเองเพิ่มโอกาสรายได้ใหม่
อย่างไรก็ตาม รายได้ 1,200 ล้านบาท ที่ บมจ. อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จะทำได้ในปี 2024 นั้นเกือบทั้งหมดมาจากธุรกิจรับจ้างจัดงานอีเวนต์ ทำให้ถ้าต้องการได้รับความยั่งยืนกับธุรกิจ การมีส่วนธุรกิจที่สร้างขึ้นเองนั้นเป็นอีกทางออก และบริษัทจะเดินหน้าธุรกิจในรูปแบบนี้มากขึ้น
“ในปี 2024 จะเห็นเราจัดงานของตัวเองค่อนข้างเยอะ ผ่านการซื้อลิขสิทธิ์ หรือร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ ในการพัฒนางานอีเวนต์ที่สร้างรายได้จากการขายบัตรเข้าร่วมชม เช่น งาน Ragnarok และงาน Kitty เพราะมองว่ามันคืองานที่บริษัทสร้างขึ้นมาเอง ไม่ใช่งานจ้าง และในปี 2025 จะมีการเดินหน้ากลยุทธ์นี้อย่างต่อเนื่อง”
ล่าสุด บมจ. อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จัดงาน Space Journey Bangkok ที่ร่วมมือกับ ภิรัชบุรี กรุ๊ป เพื่อจัดงานดังกล่าวที่มีลักษณะเป็นนิทรรศการด้านอวกาศระดับโลก จากสหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย และครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 16 ธ.ค. 2024 – 16 เม.ย. 2025 ที่ไบเทค บางนา
คาดหวังผู้เข้าร่วมงานกว่า 2 แสนคน
“คาดว่าในครั้งนี้จะมีผู้เข้าชมงาน 200,000 คน โดยที่ผ่านมามีการจัดแสดงไปแล้ว 5 ประเทศในยุโรป ภายใต้ชื่อ Cosmos Discovery Space Exhibition มีผู้เข้าชมงานรวมกว่า 1 ล้านคน และโอกาสที่จะได้กลับมาจัดแสดงในประเทศไทยอาจใช้เวลานับ 10 ปีทีเดียว จึงไม่อยากให้ทุกคนพลาดโอกาสในครั้งนี้”
สำหรับราคาเริ่มต้นของการเข้าชมนิทรรศการดังกล่าวอยู่ที่ 550 บาท/คน และภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าที่ระลึก ขณะเดียวกัน บมจ. อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ มีการลงทุนกับนิทรรศการดังกล่าวไป 80-90 ล้านบาท ถือเป็นเม็ดเงินที่ค่อนข้างมาก จึงตั้งเป้าผู้เข้าชมมากเช่นกัน
ด้านงานที่เป็นที่น่าสนใจที่ บมจ. อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ได้ไปรับจัดงานให้ เช่น พิธีเปิดของโครงการ One Bangkok และงานเคาต์ดาวน์ช่วงปีใหม่ 3 ที่ด้วยกัน เช่น Central World และ One Bangkok แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ยังรับงานขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หวังรายได้ปี 2025 เติบโต 15-20%
จากปัจจัยบวกทั้งหมด ประกอบกับการปรับองค์กรให้ลีนยิ่งขึ้น ทำให้ บมจ. อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2025 ไว้ที่ 15-20% นอกจากนี้การเดินหน้าลงทุนเรื่องนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น เครื่องยิงเลเซอร์กำลังสูง ทำให้บริษัทตอบโจทย์ลูกค้าได้มากกว่าเดิมด้วย
“เรามีเลเซอร์กำลังสูง 170-180 ตัว มากที่สุดในประเทศไทย และมีโนวฮาวในการใช้งานที่ทำให้เลเซอร์ที่ยิงออกมาสามารถแสดงเป็นภาพได้ตามที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งเลเซอร์เหล่านี้ได้เห็นแล้วในงานพิธีเปิดของโครงการ One Bangkok และงาน Bangkok Illumination Festival 2024 ที่ยิงเป็นรูปน้องหมูเด้ง”
เกรียงกานต์ ทิ้งท้ายว่า หลังจากการปรับองค์กรให้ลีนขึ้น ผ่านการปรับลดขั้นตอนการบริหารต่าง ๆ ทำให้บริษัทมีกำไรราว 140-150 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดที่น่าพอใจในธุรกิจผู้รับจัดอีเวนต์ที่ค่อนข้างประสบปัญหาทางธุรกิจอย่างหนักในช่วงวิกฤติโรคโควิด-19 เมื่อ 4 ปีก่อน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา