กลุ่มอสังหาฯ น่าเป็นห่วง ไตรมาสแรกปีนี้ ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง 30% บ้านตลาดบนราคา 10-20 ล้านก็ไม่รอด ได้รับผลกระทบถ้วนหน้า
“กลุ่มอสังหาริมทรัพย์” น่าเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เฉพาะรายเล็ก หรือรายกลาง แต่ปัญหายังลามไปสู่ผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ด้วย ที่ปัจจุบันเผชิญปัญหาอสังหาริมทรัพย์ขายช้า ค้างสต็อกจำนวนมาก จากความสามารถของผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยลดลงอย่างมาก จากสภาวะเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในภาวะซึมตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มอสังหาฯ เริ่มออกมาบ่นถึง ยอดขายที่ลดลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งมาจากยอด Rejection Rate หรือยอดการไม่อนุมัติสินเชื่อเพิ่มขึ้นมาก จากระดับ ไม่ถึง 50% มาสู่ 60-70% แล้ว ซึ่งในปัจจุบันโดยเฉพาะ บ้านระดับไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่เผชิญปัญหาขาย ไม่ออกมากขึ้น
จากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่า จากยอด Rejection Rate ที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการอสังหาฯ อย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสแรกที่ผ่านมา และยังพบว่า ไม่เฉพาะบ้านราคาต่ำเท่านั้นที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อแต่พบว่า ผู้ประกอบการอสังหาฯ บางรายได้รับผลกระทบ จากยอดปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้นในกลุ่มบ้านราคาตั้งแต่ 10-20 ล้านบาท ที่พบว่า ยอด Rejection Rate ปรับตัวสูงขึ้น
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า หากดูภาพรวมของอสังหาฯ จากการสำรวจในตลาด พบว่า การโอนอสังหาริมทรัพย์แย่ที่สุดในรอบ 6 ปี ในทุกเซกต์เม้นต์ ทุกระดับราคา แม้ผู้ประกอบการจะเปิดโครงการน้อยลงเพื่อชะลอผลกระทบก็ตาม ส่งผลให้ยอดอสังหาฯ ค้างสต็อกมีจำนวนมากขึ้น
เช่นเดียวกันยอดปฏิเสธสินเชื่อที่พบว่าระดับราคาต่ำ มียอดปฏิเสธสูงราว 60-70% เช่น ขายบ้าน 100 หลังขายได้เพียง 40 หลังเท่านั้น ขณะที่อีก 70 แห่ง บริษัทต้องนำกลับมาทำการตลาด และขายใหม่ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้บริษัท ต้องปรับกลยุทธ์โดยการให้ผู้กู้ หันมาเช่า ที่อยู่อาศัยกับ “เสนา” โดยตรง โดยเอาเงิน ค่าเช่ามาหักเงินต้น จนกว่ารายได้ผู้กู้จะ เพิ่มขึ้น หรือเงินต้นลดลง และสามารถ ขอกู้จากธนาคารได้ เหล่านี้ก็เพื่อแก้ปัญหาการเข้าไม่ถึงที่อยู่อาศัย และแก้ไขปัญหา หนี้ครัวเรือนให้ลดลงได้
บ้านกลุ่มบนถูกปฏิเสธ 30%
ต้อง ยอมรับว่า ไม่เฉพาะบ้านราคาต่ำๆเท่านั้น ที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อ แต่บ้านราคาสูงขึ้นราคาเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไปเจอปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน แม้กลุ่มนี้จะไม่ใช่กลุ่มลูกค้าหลักของเสนาก็ตาม โดยปัจจุบันพบยอดปฏิเสธเพิ่มขึ้นจาก 10-20% เป็น 20-30% แม้สัดส่วนการปฏิเสธสินเชื่อจะต่ำ หากเทียบกับราคาบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมองว่าตลาดกลุ่มบนเป็นตลาดที่เซ็นซิทีฟ และค่อนข้างโอเวอร์ซัพพลายได้ง่าย
“วันนี้หลายสิ่งภาครัฐก็ทำไปแล้ว เช่น การลดค่าโอนต่างๆ เพื่อช่วยภาคอสังหาฯ แต่ยังมีสิ่งที่ทำได้ เช่น ในต่างประเทศ ที่มี การฟิกซ์ดอกเบี้ยไว้ระดับต่ำตลอดอายุสัญญา ไม่เฉพาะ 3 ปีแรก แต่ยาวไปตลอดสัญญา 30 ปี ไม่มีลอยตัว ส่งผลให้ผู้กู้ผ่อนเงินต้นได้มากขึ้น หนี้ลดลง เหล่านี้เป็นยาแรงที่รัฐออกมาช่วย”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา