กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้จัดการประชุมประจำปีที่ประเทศอินโดนีเซีย และมีมุมมองสำหรับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากสาเหตุสำคัญคือแรงกดดันจากสงครามการค้าที่สร้างผลกระทบทั่วโลก
IMF ได้จัดการประชุมประจำปีที่ประเทศอินโดนีเซีย ในการประชุมดังกล่าวมีการปรับตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกเป็น 3.7% จากเดิม 3.9% เนื่องจากแรงกดดันของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน นอกจากนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่มีการปรับเป้าหมายการเติบโตของ GDP ลดลง
Maurice Obstfeld หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ได้กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ IMF เองได้มองการเติบโตของเศรษฐกิจโลกไว้ดีเกินไป ขณะที่นโยบายกำแพงภาษีทางการค้ากำลังขยายตัว ย่อมทำให้เศรษฐกิจเกิดความเสี่ยงจากเรื่องนี้
นอกจากนี้ Maurice ยังได้ประเมินว่า ผลกระทบจากเรื่องนโยบายการค้าของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาที่ได้ทำสัญญาการค้าใหม่กับเม็กซิโกรวมไปถึงแคนาดาฉบับใหม่ รวมไปถึงสหภาพยุโรปกำลังจะทำนโยบายการค้ากับสหราชอาณาจักรใหม่ หลังจากที่เกิดเรื่อง Brexit และความไม่แน่นอนต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นสาเหตุของผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลไปถึงธุรกิจของบริษัทต่างๆ ด้วย
A cycle of retaliatory trade tariffs hurts many countries and lowers long-term global GDP, as explained in the latest #WEO https://t.co/u79dahmCzo pic.twitter.com/YZASTBtzzJ
— IMF (@IMFNews) October 9, 2018
ปรับการเติบโต GDP ใหม่
IMF ได้คาดการณ์ตัวเลขการเติบโต GDP ใหม่ โดยยังคงตัวเลขในเดือนกรกฏาคมไว้เช่นเดิมสำหรับประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา
- สหรัฐอเมริกา IMF ยังคงประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 2.9%
- กลุ่มยูโรโซน ปรับลดการเติบโต GDP ลงมาที่ 2%
- ประเทศอินเดีย ปรับลดการเติบโต GDP ลงมาที่ 7.3%
- ประเทศจีน IMF ยังคงประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนที่ 6.6%
- กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Markets) IMF ปรับลดการเติบโต GDP ลงมาที่ 4.7%
- ประเทศไทย IMF คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะโตที่ 4.6%
สำหรับประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศอย่างเช่น อาร์เจนตินา ตุรกี บราซิล อิหร่าน เม็กซิโก IMF ได้ปรับลดตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจลง เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้อ่อนแอ
อย่างไรก็ดีในปีหน้า IMF คาดว่าถ้าหากสงครามการค้ายังคงยืดเยื้อต่อไป อาจทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนในปีหน้า GDP อาจโตได้แค่ 6.2% และสหรัฐอเมริกา GDP โตเพียงแค่ 2.3%
ที่มา – Bloomberg, CNBC, Business Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา