“เยาวราช” คือพื้นที่ธุรกิจที่ทุกจุดเป็นเงินเป็นทอง ทำให้คนดั้งเดิมย่านนั้นต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น และร้านค้าใหม่ๆ ก็เกิดยาก “แกรนด์ ยูนิแลนด์” จึงลงทุน 3,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโครงการ I’m Chinatown ที่มีทั้งห้างฯ, คอนโดฯ และโรงแรมขึ้นในย่านนี้
Location สำคัญ ถึงมีเงินก็หาซื้อไม่ได้
ในธุรกิจห้างค้าปลีกนั้น Location หรือสถานที่นั้นคือเรื่องสำคัญระดับต้นๆ เพราะถึงจะดึงร้านค้า และมีบริการดีขนาดไหน ถ้าย่านนั้นไม่มีความหนาแน่นของประชากร โอกาสที่จะเกิดการค้าขายก็คงยาก และยิ่งเป็นย่านเยาวราชแล้ว Location ดีๆ ในการทำธุรกิจห้างค้าปลีกก็ค่อนข้างยาก เพราะแทบไม่มีพื้นที่ว่าเหลืออยู่
สุวรรณ เลิศปัญญาโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท แกรนด์ ยูนิแลนด์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า พื้นที่เกือบทั้งหมดของเยาวราชเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และผู้เช่าเดิมๆ ก็ไม่มีแนวโน้มที่จะปล่อยที่ให้ผู้อื่น หรือหากปล่อยจริงๆ ก็มีราคาแพงมาก บางครั้งเซ้งกันถึง 40 ล้านบาท เพียงแค่ห้องแถวเพียงห้องเดียว
“ผมเกิด และโตที่นี่ จึงขอยืนยันอีกเสียงว่าใครๆ ก็อยากเข้ามาทำธุรกิจในเยาวราช แต่เมื่อที่มันไม่จริงๆ จะให้ทำอย่างไร และเมื่อทางกลุ่มเราโชคดีที่ได้ที่ดินราว 3 ไร่เศษใกล้กับวัดมังกรฯ ติดประตูรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ผ่านสัญญาเช่า 30 มา จึงตั้งใจที่จะพัฒนาที่ดินนี้ให้มีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือโครงการแบบ Mix-Use”
คอนโดฯ และโรงแรมเชนแรกๆ ที่นี่
สำหรับโครงการ I’m Chinatown ประกอบด้วยโรงแรม 4 ดาว Holliday Inn Express ถือเป็นโรงแรมเชนแห่งแรกภายในเยาวราช ค่าห้องเริ่ม 1,800 บาท, ห้างสรรพสินค้า 3 ชั้น ที่รวมร้านอาหาร Street Food และร้านขายของดังๆ ในเยาวราชเอาไว้ ค่าเช่าเริ่ม 2,500 บาท และคอนโดมิเนียม 8 ชั้น 46 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท
มีที่จอดรถใต้ดินจุ 300 คัน มากที่สุดในย่านนี้ โดยกลุ่มเป้าหมายของผู้เข้ามาใช้บริการส่วนต่างๆ ของศูนย์ฯ นี้ประกอบด้วยนักท่องเที่ยว, นักธุรกิจ และกลุ่มผู้อยู่อาศัยเดิม เพราะคนที่อาศัยที่นี่ต้องย้ายไปอยู่ย่านชานเมือง เช่นตลิ่งชัน หรือฝั่งธนฯ เพราะต้องยอมให้ที่เยาวราชนั้นเป็นที่สำหรับทำธุรกิจเพียงอย่างเดียว
“ตอนนี้ฝั่งวัดมังกรฯ หรือเส้นเจริญกรุงอาจไม่คึกคักมาก แต่พอรถไฟฟ้าเสร็จในปี 2562 พร้อมกับโครงการเราเปิดให้บริการ ฝั่งนี้ต้องเจริญขึ้นแน่ เพราะฝั่งตรงข้ามก็เป็นย่าน Street Food ดังๆ นอกจากนี้ตัวห้าง The Old Siam เองก็หมดสัญญา ทำให้เราได้ร้านเพชรพลอยจากที่นั่นมาอยู่ด้วย และตัวค้าปลีกเองก็มีคนมาจองที่แล้ว 70%”
รุกค้าปลีกเพิ่ม เพราะโอกาสมากกว่า
ทั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่ม “แกรนด์ ยูนิแลนด์” เข้ามารุกตลาดค้าปลีก เพราะก่อนหน้านี้ก็ทำโครงการย่านโบ๊เบ๊ และ I’m Park บริเวณสามย่าน และหลังจากโครงการ I’m Chinatown เปิดให้บริการในปี 2562 ทางกลุ่มก็มีแผนเปิดค้าปลีกแห่งใหม่ โดยวางระยะเวลาไว้ 1-2 ปีต่อ 1 โครงการ และมองโครงการในต่างจังหวัดไว้ด้วย เช่นหัวหิน
“เราโตมาจากผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัย โดยเฉพาะหมู่บ้าน แต่ปัจจุบันคู่แข่งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั้นเข้ามารุกทุกรูปแบบโครงการที่พักอาศัย ทำให้เราอยู่ยาก และยิ่งเราไม่อยากเข้าระดมทุนด้วย การหนีมาที่ฝั่งค้าปลีกก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะจริงๆ ยังมีพื้นที่ที่มีคนหนาแน่นอยู่อีกมา และเราจะไปบุกตรงนั้นเพิ่มเติม”
สำหรับรายได้จากธุรกิจค้าปลีกของบริษัทนั้นอยู่ราว 30% ของรายได้กว่า 300 ล้านบาท/ปี แต่หลังจากโครงการ I’m China และโครงการค้าปลีกอื่นๆ พร้อมให้บริการ โอกาสที่รายได้จากฝั่งค้าปลีกจะเป็น 60% ก็มีสูง ยิ่งกำลังซื้อของผู้บริโภคก็เริ่มกลับมา ทำให้การค้าน่าจะคึกคักมากขึ้นเช่นกัน
สรุป
ต้องยอมรับว่าย่านเยาวราชหาพื้นที่ใหญ่ๆ ยากมาก และการได้พื้นที่ขนาด 3 ไร่ของ I’m Chinatown ถ้าพัฒนาเป็นแบบอื่นก็คงเสียของ แต่ก็ต้องลุ้นกันว่า หลังจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเสร็จแล้ว จะช่วยสร้างความคึกคักของโครงการได้มากขนาดไหน แต่ขึ้นชื่อว่าตั้งอยู่ในท้องมังกร ถึงอย่างไรก็ต้องไปได้ตามเป้าแน่ๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา