“ใครฆ่านานะ?” ประโยคสุดฮิตที่คอซีรีส์ไทยจากค่ายนาดาวบางกอก โพสต์ถามกันเต็มโซเชียล หลังจากเรื่อง I HATE YOU I LOVE YOU ออกอากาศตอนแรกผ่าน LIVE TV นำแสดงโดย ปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์ และ ฝน ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล และ 3 หนุ่มสุดหล่อ ที่เชือดเฉือนกันแบบสุดๆ และส่งให้ยอดวิวพุ่งทะลุ 10 ล้านวิวในเวลา 24 ชั่วโมง
แฮชแท็ก #HateLoveSeries ถูกใช้เพื่อแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด
เข้าใจคนดู แพลตฟอร์มดี คอนเทนต์โดน
แดน ศรมณี ผู้อำนวยการธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย บอกว่า การสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ขึ้นมาเพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาเป็น user loyalty ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องการจะเจาะผู้บริโภคกลุ่มไหนก็โฟกัสไปที่กลุ่มนั้น LINE มองว่าผู้บริโภคใช้ชีวิตแบบไหนผู้บริโภคต้องการอะไร ไม่มีใครต้องกังวลว่าจะพลาดรายการทีวีแล้ว เพราะสามารถดูย้อนหลังผ่านทางออนไลน์ได้ คนทุกวัยสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้ผ่านทางสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่าง นาดาวบางกอก และ LINE TV ตั้งแต่ครั้งแรกกับเรื่อง “STAY ซากะ…ฉันจะคิดถึงเธอ” คอนเทนต์บันเทิงเชิงท่องเที่ยวอย่าง “Hangover Thailand” หรือซีรีส์พิเศษ “อยู่ที่เรา” และล่าสุดกับโปรเจกต์ที่ LINE TV ผนึกกำลังกับนาดาวบางกอกอีกครั้งในการผลิตซีรีส์ I HATE YOU I LOVE YOU ที่ผู้ชม LINE TV จะได้รับชมซีรีส์แบบเรียลไทม์ ลุ้นไปพร้อมๆ กัน ตัดปัญหาถูกสปอยล์ตอนจบ
I HATE YOU I LOVE YOU เป็นซีรีส์แนวลึกลับ มีปมของตัวละครที่ซับซ้อน รวมถึงบรรดานักแสดงในเรื่องนี้ แต่ละคนมีผู้ติดตามและให้ความสนใจในผลงานเยอะมากๆ ออกอากาศตอนแรกยอดวิวพุ่งทะลุสูงกว่า 10 ล้านวิว แสดงให้เห็นว่าการสร้าง engagement ในวันที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ในฐานะคนสร้างคอนเทนต์และนักการตลาด LINE TV เปลี่ยนตามผู้บริโภค และสามารถเข้าถึงได้ถูกจุด
“LINE มองว่าการสร้างคอนเทนต์ที่ดี มีจุดขายชัดเจน นำเสนอคนดูถูกกลุ่ม ผ่านช่องทางที่แข็งแกร่งนั้น คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสำเร็จของ LINE TV และนาดาวบางกอกที่มีร่วมกัน”
คอนเทนต์ที่แตกต่าง สร้างจุดเด่นดึงดูดคนดู
ทรงยศ สุขมากอนันต์ ผู้กำกับ I HATE YOU I LOVE YOU บอกว่า การเปลี่ยนแพลตฟอร์มบนหน้าจอโทรทัศน์สู่หน้าจอในแอปพลิเคชันบน LINE TV คือโจทย์หลักที่สำคัญของการทำงานคือทำอย่างไรให้คอนเทนต์มีความแปลกใหม่ แบบที่ต้องหาดูไม่ได้ตามช่องทางปกติ และมีประเด็นที่แตกต่างจากคนอื่น ดังนั้นเป้าหมายคือ ทำคอนเทนต์ให้ดี ถ้าดีจะมีคนดูเอง
เป้าหมายส่วนตัวคือ อยากทดลองทำซีรีส์แนวใหม่แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็เลยพัฒนาบทขึ้นมาเป็น I HATE YOU I LOVE YOU ซีรีส์ที่นำเสนอเรื่องราวการแตกหักของความสัมพันธ์ของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ผ่านบรรยากาศลึกลับชวนสงสัยโดยนำเสนอด้วยการเล่าเรื่องแบบ 5 ตอนจบ ผ่านมุมมองของ 5 ตัวละครที่ต่างเกี่ยวพันกัน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน 5 วัน
แนวคิดของการเล่าเรื่องนี้มาจากการที่ส่วนใหญ่เวลาเราดูหนังหรือละคร คนดูจะเป็นผู้รู้ทุกอย่าง จะได้เห็น ได้รู้ดีว่าตัวละครทุกตัว พบเจออะไร ทำไมถึงคิดแบบนี้ ทำไมถึงตัดสินใจทำแบบนั้น แต่เรื่องนี้เราจะพาคนดูกลับไปเป็นคนปกติ ที่จะได้รู้แค่มุมมองของตัวละครเพียงตัวเดียวในแต่ละตอน จนกว่าจะดูครบทั้ง 5 ตอน ถึงจะรู้และเข้าใจทั้งหมด
สรุป
ยุคที่ต่อสู้กันด้วยคอนเทนต์ จะเห็นว่าผู้ให้บริการโทรคมก็แข่งกันหาคอนเทนต์เด็ดๆ มานำเสนอ รวมถึง LINE ที่จะให้มีแค่ แอปแชท และสติกเกอร์ ก็คงไม่ได้ การทำ LINE TV ออกมา ก็ต้องหาคอนเทนต์ที่เป็น Exclusive เพื่อสร้างฐานคนดูขึ้นมา ซึ่งการร่วมมืกับ นาดาวบางกอก ดึงคอนเทนต์ไปออกอากาศทางมือถือ เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ปัจจัยสำคัญคือ ต้องผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ ตามออกมาเรื่อยๆ ดีไม่ดี คนดูจะรอดูผ่านมือถือมากกว่าหน้าจอทีวีด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา