แบรนด์โทรศัพท์มือถือที่มียอดขายเติบโตสูงในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา จนเรียกว่ามาท้าทายผู้นำตลาด และยังวางเป้าหมายว่าในปี 2020 จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดให้ได้ เอ่ยแค่นี้หลายคนจะนึกถึง “หัวเว่ย”
จุดเริ่มต้นที่สมาร์ทโฟนหัวเว่ย เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างเกิดจากรุ่น Huawei P9 ที่มีการทำ Co-Brand กับกล้อง Leica ใส่กล้อง Dual Camera และทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับเลนส์ Leica ที่คนเล่นกล้องจะรู้ดีว่า นี่คือ กล้องระดับไฮเอนด์
วันนี้หัวเว่ยได้ “ชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา” มาทำหน้าที่ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย จะเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านการตลาดอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ประสบการณ์การตลาดแน่น เสริมแกร่งแบรนด์หัวเว่ย
ชาญวิทย์ บอกว่า แบรนด์หัวเว่ยไม่ได้เป็นแบรนด์ใหม่ แต่อยู่ในประเทศไทยมามากกว่า 10 ปีแล้ว แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า โครงข่ายโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานกันอยู่ทั่วประเทศ เป็นอุปกรณ์ของหัวเว่ยมากกว่าครึ่ง และโซลูชั่นสำหรับองค์กรธุรกิจจำนวนมาก ก็ใช้บริการของหัวเว่ยเช่นเดียวกัน
แต่สมาร์ทโฟนคือธุรกิจที่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากที่สุด ดังนั้นต้องบอกว่า แบรนด์หัวเว่ย มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ต้องสื่อสารออกมาให้ชัดเจนมากขึ้น และนั่นคือหน้าที่ของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด
ในฐานะที่เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีอย่างชัดเจน เน้นเรื่องนวัตกรรมและคุณภาพเป็นหลัก โดยหัวเว่ยเป็นบริษัทที่ใช้งบด้านวิจัยและพัฒนาอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้นหน้าที่คือ ต้องบอกให้ผู้บริโภครับรู้
“ยอดขายของหัวเว่ยเติบโตขึ้น 3-4 เท่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แสดงว่าผู้บริโภครับรู้ถึงตัวสินค้า และกล้าพูดได้ว่า หัวเว่ยคือสมาร์ทโฟน 1 ใน 2 แบรนด์ที่สามารถขายได้ในทุกระดับราคา ตั้งแต่ 3,000 บาทจนถึงมากกว่า 20,000 บาท แสดงว่าตัวสินค้าได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว แต่แบรนด์จะต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้”
จุดเด่นคือความเป็นเทคโนโลยี พร้อมหนุนการแข่งขันเพื่อผู้บริโภค
อย่างที่บอก หัวเว่ยคือบริษัทเทคโนโลยี มี 3 ธุรกิจหลัก แบ่งง่ายๆ คือ Network, Enterprise และ Consumer ดังนั้น ความโดดเด่นคือ การพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
เช่น สมาร์ทโฟน Huawei Mate10 ที่จะเปิดตัว 16 ต.ค. นี้ จะใช้ Chipset Kirin 970 ซึ่งเป็นชิพที่ฝังความเป็น AI ไว้บนตัวชิพเลย ทำให้สมาร์ทโฟนฉลาดขึ้นกว่าเดิม การใช้งานจะเข้ามือเจ้าของมากขึ้น และรองรับการใช้งานในอนาคตที่ดีกว่าเดิม
ตัวอย่างที่จะเห็นได้ชัด คือ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของหัวเว่ย เช่น Huawei band A2 นาฬิกาที่บอกข้อมูลทางสุขภาพต่างๆ และ Huawei Smart Scale เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ ที่จะทำงานร่วมกันได้อย่างสอดคล้อง ทั้งหมดจะตอกย้ำเรื่องเทคโนโลยีที่เป็นมากกว่าแค่ฮาร์ดแวร์ของหัวเว่ยได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ชาญวิทย์ บอกว่า ไตรมาส 4 ของปีนี้ สมาร์ทโฟนหลายแบรนด์เตรียมปล่อยรุ่นเรือธงออกสู่ตลาด การแข่งขันจะรุนแรงมาก แต่ถือเป็นโอกาสดีของผู้บริโภคที่จะมีทางเลือกมากขึ้น ได้เปรียบเทียบความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจซื้อ
บริการสร้างประสบการณ์ประทับใจ
หัวเว่ยมียอดขายที่เติบโตสูงมากอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่ายิ่งมีผู้ใช้มาก ก็ต้องมีบริการหลังการขายรองรับ โดยปีนี้ได้ขยายศูนย์บริการหลักจาก 4 แห่งตอนต้นปีเป็น 14 แห่งทั่วประเทศและมีแผนขยายเพิ่มอีก ยังไม่นับจุดรับซ่อมจากพันธมิตรอื่นๆ
ชาญวิทย์ บอกว่า การจะสร้างความพอใจให้ลูกค้า นอกจากสินค้าที่ดี เทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น การบริการคือ การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า ซึ่งหัวเว่ยมั่นใจว่า มีบริการหลังการขายดีอันดับต้นๆ ของตลาด เช่น บริการ Diamond Service ที่ซ่อมเครื่องเสร็จใน 1 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านั้นเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้เลย หรือบริการ door to door รับ-ส่งถึงที่ เพราะรู้ว่า สมาร์ทโฟนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน
“บริการคือความโดดเด่นของหัวเว่ย ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ นี่คือสิ่งที่หัวเว่ยต้องการเน้นย้ำให้มากกว่าเดิม เรียกว่าถ้าทำดีแล้วต้องดีขึ้นอีก ต้องผิดพลาดให้น้อยที่สุด บาทต่อบาทที่จ่ายเพื่อซื้อหัวเว่ย ต้องคุ้มค่ากว่าแบรนด์อื่น”
Most Admired Brand เป้าหมายในปี 2020
เมื่อมีเทคโนโลยีที่โดดเด่น มีสินค้าที่ได้รับความนิยมมากขึ้น มีบริการหลังการขายที่ดี และมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายของหัวเว่ยคือ การเป็นอันดับ 1 ในตลาด และไม่ได้เป็นอันดับ 1 แค่ยอดขายเท่านั้น แต่ต้องเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจผู้บริโภค
ชาญวิทย์ บอกว่า การเน้นทำตลาดสร้างยอดขายอย่างเดียวไม่ใช่การทำธุรกิจที่ยั่งยืน แต่ถ้าทำให้หัวเว่ยเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจผู้บริโภค นึกถึงสมาร์ทโฟนนึกถึงหัวเว่ย ต้องทำการบ้านอีกหลายส่วน แต่นั่นคือแนวทางธุรกิจที่ยั่งยืน และยอดขายจะตามมา
ถ้ามองว่า ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนจากอะไร อันดับแรกคือ แบรนด์ มีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน อันดับสองคือ ดูความคุ้มค่า และอันดับสามคือ บริการหลังการขายที่ได้รับ จึงไม่น่าแปลกใจที่หัวเว่ย จะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา