ระหว่างวันที่ 14 ถึง 18 ตุลาคม หัวเว่ยในฐานะผู้สนับสนุนระดับไดมอนด์ ได้เข้าร่วมงาน GITEX GLOBAL 2024 หนึ่งในงานแสดงเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใต้ธีม “ยกระดับอุตสาหกรรมสู่ยุคดิจิทัลและความอัจฉริยะ (Accelerate Industrial Digitalization and Intelligence)” โดยในวันแรกของงาน หัวเว่ยได้จัดการประชุมสุดยอดเกี่ยวกับการยกระดับด้านดิจิทัลและความอัจฉริยะในภาคอุตสาหกรรม พร้อมเปิดตัวโซลูชันร่วมกับพันธมิตรสำหรับ 10 อุตสาหกรรม ได้แก่ สาธารณูปโภค การขนส่ง การเงิน พลังงานไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ เหมืองแร่ ค้าปลีก การศึกษา และการดูแลสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชั้นนำใหม่ๆ อีกหลากหลาย โดยโซลูชันและผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนลูกค้าในการยกระดับสู่ยุคดิจิทัลและความอัจฉริยะอย่างมีประสิทธิภาพ
หัวเว่ยมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนผลลัพธ์ที่ดีของลูกค้า เสริมศักยภาพให้กับพันธมิตรในท้องถิ่น และพัฒนาบุคลากรในพื้นที่
ในงานนี้ นายหลี่ เผิง รองประธานอาวุโสและประธานฝ่ายขายและบริการเทคโนโลยีไอซีทีของหัวเว่ย กล่าวเปิดการประชุมสุดยอดว่า “เรากำลังผสานความแข็งแกร่งของเราทั้งในด้านเครือข่าย, การจัดเก็บข้อมูล, การประมวลผล, คลาวด์ และพลังงาน เข้าด้วยกัน” นายหลี่กล่าว “และเรากำลังร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลและความอัจฉริยะใหม่”
เมื่อปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมอ้างอิงสำหรับการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมสู่ความอัจฉริยะ ในการกล่าวสุนทรพจน์ นายหลี่ อธิบายว่า หัวเว่ยได้นำสถาปัตยกรรมนี้ไปปฏิบัติเพื่อมอบโซลูชันชั้นนำที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น รัฐบาล การเงิน พลังงานไฟฟ้า การขนส่ง การผลิต น้ำมันและก๊าซ เหมืองแร่ และอินเทอร์เน็ต “เราสรุปกรณีศึกษามากกว่า 100 กรณี ที่ลูกค้าในแต่ละอุตสาหกรรมสามารถใช้ในการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและอัจฉริยะ” นายหลี่ กล่าว
“ความสำเร็จเหล่านี้จะเป็นไปไม่ได้เลย หากปราศจากพันธมิตรของเรา” นายหลี่ กล่าว “ที่หัวเว่ย เรามุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศของพันธมิตรที่มีประสิทธิภาพ เปิดกว้าง และเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ เรายังได้จัดตั้ง OpenLab 14 แห่งทั่วโลก ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการสำหรับวิศวกร คู่ค้า และลูกค้าของบริษัท เพื่อสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมร่วมกับพันธมิตรด้านโซลูชันในท้องถิ่น โดยร่วมกับพันธมิตรด้านโซลูชันกว่า 30 รายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พัฒนาโซลูชันมากกว่า 20 รายการเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของอุตสาหกรรมท้องถิ่น”
นายหลี่ อธิบายต่อว่า หัวเว่ยกำลังสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบโซลูชันที่มีความคล่องตัว (lightweight solution) ผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปขายได้ บริการสนับสนุนธุรกิจแบบครบวงจร และแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้พันธมิตรสามารถให้บริการแก่ลูกค้า SMEs ได้อย่างคล่องตัว รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายหลี่ กล่าวสรุปว่า ความพยายามของหัวเว่ยในการพัฒนาผู้มีทักษะด้านดิจิทัลในท้องถิ่นและเสริมสร้างระบบนิเวศของอุตสาหกรรม เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน “ในอนาคต หัวเว่ยพร้อมและยินดีที่จะร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและความอัจฉริยะในภาคอุตสาหกรรม เพื่อนำประโยชน์มากมายมาสู่ชีวิตและการทำงานของผู้คนทั่วโลก” นายหลี่ กล่าว
การเร่งการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและความอัจฉริยะในภาคอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิต
ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงในด้านดิจิทัลและความอัจฉริยะ หัวเว่ยสนับสนุนให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อคว้าโอกาสใหม่ๆ
ในระหว่างการบรรยายหลัก นายลีโอ เฉิน ประธานฝ่ายขาย สำหรับภาคองค์กร ของหัวเว่ย ได้เน้นย้ำว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ 5G-A เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังนำมาซึ่งความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน การใช้งานในอุตสาหกรรม และระบบนิเวศด้านทรัพยากรมนุษย์ หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะใช้ความได้เปรียบเฉพาะตัวนี้ สนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรให้ประสบความสำเร็จในยุคแห่งอัจฉริยะ
ในอนาคต หัวเว่ยจะยังคงใช้ศักยภาพแบบครบวงจรในด้านการเชื่อมต่อ การจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล และคลาวด์ เพื่อช่วยอุตสาหกรรมต่างๆ ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ICT ที่รองรับการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หัวเว่ย จะขับเคลื่อนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในบริบทต่างๆ ของอุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองต่อปัญหาทางธุรกิจ ในการดำเนินตามเป้าหมายนี้ หัวเว่ยได้เผยแพร่เอกสาร “Amplifying Industrial Digitalization & Intelligence Practice White Paper” ซึ่งมีเรื่องราวความสำเร็จกว่า 100 กรณีจากกว่า 20 อุตสาหกรรม เพื่อให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในกระบวนการปรับตัวในองค์กรของตน
นอกจากนี้ หัวเว่ยมีแผนที่จะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและพันธมิตร รวมถึงการพัฒนาระบบนิเวศของทรัพยากรมนุษย์ด้านดิจิทัลและอัจฉริยะ หัวเว่ยได้พัฒนา Global Digital Index (GDI) ร่วมกับ IDC เพื่อให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถใช้ตัวชี้วัดการประเมินเชิงปริมาณในการเปลี่ยนแปลง โครงการเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการนำความอัจฉริยะสู่ทุกอุตสาหกรรม
การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ICT รุ่นถัดไป เพื่อเสริมสร้างพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและอัจฉริยะ
ในการบรรยายหลัก นายเดวิด ฉี (David Shi) รองประธานฝ่ายการตลาดเทคโนโลยีและสารสนเทศ และฝ่ายขายโซลูชันเพื่อธุรกิจของหัวเว่ย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ICT ที่มั่นคงสำหรับองค์กร เพื่อให้ประสบความสำเร็จในยุคแห่งอัจฉริยะ นายเดวิดได้ชี้ให้เห็นถึงจุดสำคัญในการเร่งการเปลี่ยนแปลงนี้ 2 จุด ได้แก่ การส่งเสริมการกระจายโครงสร้างพื้นฐาน ICT และการเร่งการสร้างรายได้ “เมื่อเราทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรอย่างใกล้ชิด เราสามารถนำความอัจฉริยะสู่ทุกอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หัวเว่ยยินดีที่จะทำงานร่วมกับทุกท่านเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและอัจฉริยะ คว้าชัยในยุคใหม่ และสร้างอนาคตที่ดีกว่า” นายเดวิด กล่าว
การส่งเสริมการกระจายของโครงสร้างพื้นฐาน ICT ช่วยให้พันธมิตรและลูกค้าสามารถเชื่อมโยง เข้าถึง และใช้งานโครงสร้างพื้นฐาน ICT ได้อย่างราบรื่น ส่งเสริมให้โครงสร้างพื้นฐานนี้สามารถพัฒนาควบคู่ไปกับความต้องการทางธุรกิจ หัวเว่ยได้เสนอหลักการ 4 ประการเพื่อทำให้กระบวนการสร้างและใช้งานโครงสร้างพื้นฐาน ICT ง่ายขึ้น ได้แก่ การเชื่อมโยง การเข้าถึง การใช้งาน และการพัฒนา หลักการเหล่านี้จะส่งเสริมการใช้โครงสร้างพื้นฐาน ICT อย่างกว้างขวางในบริบทต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัย เครือข่ายบริเวณกว้าง และศูนย์ข้อมูล ทำให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและขนาดย่อย (MSMEs)
การขับเคลื่อนการสร้างรายได้ หมายถึงการเร่งการสร้างนวัตกรรมบริการและการสร้างคุณค่าผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลและความอัจฉริยะ โดยการเชื่อมโยงเทคโนโลยีเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ และร่วมมือกันในการสร้างนิเวศพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ซึ่งสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร
หัวเว่ย มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและพัฒนาโซลูชันเฉพาะทางสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในบริบทที่แตกต่างกัน โดยโซลูชันเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงในแต่ละขั้นตอนอย่างเป็นระบบ ในระหว่างการประชุมสุดยอด หัวเว่ยได้ร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวโซลูชันการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลและอัจฉริยะสำหรับ 10 อุตสาหกรรม ได้แก่ โซลูชันระบบคลาวด์กลางภาครัฐ, โซลูชันฝึกฝนบุคลากรด้าน ICT, โซลูชัน Medical Technology Digitalization 2.0, โซลูชัน Digital CORE, โซลูชันธุรกิจค้าปลีกอัจฉริยะ, โซลูชัน One-Cloud, One-Network, Multi-Hub, โซลูชันศูนย์ประสานงานการดำเนินงานด้านการขนส่งขั้นสูง (Transportation Operations Coordination Center-Advanced Solution), โซลูชันการกระจายอัจฉริยะ (Intelligent Distribution Solution), โซลูชันเหมืองเปิดแบบไม่มีเจ้าหน้าที่ (Unstaffed Open-Pit Mine Solution), และโซลูชันการสำรวจน้ำมันและก๊าซอัจฉริยะ (Intelligent Oil &Gas Field Solution) โดยโซลูชันเหล่านี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้ประสบผลสำเร็จอย่างโดดเด่นในยุคแห่งความอัจฉริยะ
นอกจากนี้ หัวเว่ยยังมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่โครงสร้างพื้นฐาน ICT เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมการนำไปใช้งาน โดยมุ่งเน้นที่สถานการณ์ที่เป็นที่นิยม เช่น มหาวิทยาลัย เครือข่ายบริเวณกว้าง และศูนย์ข้อมูล หัวเว่ยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และพอร์ตโฟลิโอชั้นนำ รวมถึงผลิตภัณฑ์ HUAWEI eKit ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลขององค์กร ช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรสามารถบูรณาการและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เติบโตไปด้วยกัน สู่ชัยชนะในยุคแห่งความอัจฉริยะ
กรอบแนวทาง “SHAPE” ของหัวเว่ย สนับสนุนพันธมิตรใน 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่ การรักษาความเป็นผู้นำ การพัฒนานวัตกรรมร่วมกับพันธมิตร การพัฒนาศักยภาพของพันธมิตร การส่งเสริมประสบการณ์ความร่วมมือของพันธมิตร และการขยายโอกาสในการเติบโตของพันธมิตร หัวเว่ยร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับลูกค้าในยุคแห่งความอัจฉริยะ
“เราให้ความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก โดยยึดหลักการ ‘ผลประโยชน์ร่วมกันเป็นสะพาน ความซื่อสัตย์เป็นรากฐาน และกฎเกณฑ์เป็นการรับรอง’ รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง เพื่อเติบโตไปด้วยกันและสนับสนุนลูกค้าของเราในการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและความอัจฉริยะอย่างประสบความสำเร็จ” นายเออร์เนส จาง (Ernest Zhang) ประธานฝ่ายขายองค์กร พันธมิตรระดับโลก การค้าและการจัดจำหน่ายของหัวเว่ย กล่าว
สำหรับตลาดในประเทศ (Nation-wide market) หัวเว่ยทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างโซลูชันที่ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านดิจิทัลและความอัจฉริยะ ในตลาด SMA หัวเว่ยใช้กลยุทธ์ที่นำโดยพันธมิตร โดยให้การสนับสนุนใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเป้าหมายและโซลูชันที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ การเสนอระบบการลงทะเบียนดีลที่ง่ายดายและแรงจูงใจที่หลากหลาย รวมถึงการจัดเตรียมระบบการฝึกอบรมที่ครอบคลุมและเครื่องมือด้านไอที ในตลาดการจัดจำหน่าย หัวเว่ยสนับสนุนให้พันธมิตรทำให้ผลิตภัณฑ์ของตนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ ขาย ติดตั้ง ดูแล เรียนรู้ หรือการใช้งาน
หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะแบ่งปันความสามารถกับพันธมิตร ร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนยกระดับอุตสาหกรรม และปรับปรุงประสบการณ์ของพันธมิตรให้มีความรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“การทำงานร่วมกับหัวเว่ยจะนำไปสู่โอกาสในการเติบโตที่มากขึ้น ประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่สูงขึ้น อัตรากำไรทางธุรกิจที่มากขึ้น และความสามารถด้าน AI ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น” นายจางกล่าว
การนำเสนอแนวปฏิบัติที่สร้างสรรค์ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและความอัจฉริยะ
พื้นที่จัดแสดงของหัวเว่ยในงาน GITEX GLOBAL 2024 มีขนาดกว่า 1,400 ตารางเมตร ซึ่งนำเสนอการผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ากับอุตสาหกรรมต่างๆ ตามสถาปัตยกรรมอ้างอิงของหัวเว่ยสำหรับการเปลี่ยนแปลงอัจฉริยะ ผู้เข้าชมจะได้พบกับแนวปฏิบัติด้านการเปลี่ยนแปลงอันล้ำสมัยจากทั่วโลก ซึ่งมีความหลากหลายและน่าประทับใจ
งาน GITEX GLOBAL 2024 จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการ Dubai World Trade Centre ระหว่างวันที่ 14-18 ตุลาคม โดยหัวเว่ยมีบูธอยู่ที่ B10 และ B20 ใน Hall 22 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://e.huawei.com/ae/events/branding/gitex.
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา