โควิดก็กลัว ลูกก็ต้องดูแล เปิดวิธีเลี้ยงลูกให้มีพัฒนาการ เข้าสังคมได้ แม้อยู่บ้าน

หลายคนคงเคยได้ยินวิธีการเลี้ยงลูกในรูปแบบต่างๆ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการให้กับเด็ก โดยเฉพาะการเลี้ยงลูกให้เข้าสังคม อยู่กับธรรมชาติ ไม่เลี้ยงลูกโดยให้อยู่กับหน้าจอโทรศัพท์

ดูแลเด็ก เลี้ยงลูก ภาพจาก Pixabay

แต่ในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คุณและลูกจำเป็นต้องอยู่แต่ในบ้าน ไม่สามารถไปโรงเรียน หรือทำกิจกรรมนอกบ้านได้เช่นเดิม แน่นอนว่าจึงเกิดความกังวลว่า สถานการณ์ในขณะนี้จะส่งผลต่อการเลี้ยงลูกหรือไม่ โดยเฉพาะทักษะการเข้าสังคม ที่เด็กๆ จะได้จากการไปโรงเรียน และพบปะกับเพื่อนในชีวิตจริง

ความกังวลกลัวโควิดกระทบกับการเลี้ยงลูก

แต่ความจริงแล้วนับว่ายังมีความโชคดีอยู่ เพราะการอยู่แต่ในบ้านในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับการเลี้ยงลูกมากนัก (ในกรณีที่คุณไม่ได้ทำงานอยู่บ้านนะ) โดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่จะเริ่มเรียนรู้ จดจำผู้คน สิ่งของ และสภาพแวดล้อม รวมถึงเรียนรู้ที่จะรู้จักกับอารมณ์ และการพูดของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่เด็กเล็กต้องการมีเพียงความรัก ความเข้าใจ และเอาใจใส่จากพ่อแม่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดพัฒนาการเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าการไม่ได้ออกไปนอกบ้านในช่วงนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบกับพัฒนาการของเด็กแต่อย่างใด

ในสถานการณ์พ่อแม่ส่วนใหญ่มักพาลูกออกไปเข้าสังคม ใช้ชีวิตนอกบ้าน ภาพจาก pixabay.com

Kathy Hirsh-Pasek ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการทางภาษาของเด็ก เล่าว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการเสริมสร้างพัฒนาการคือ พื้นฐานที่ดีจากพ่อแม่ในการมอบความรัก และความปลอดภัยให้กับลูก รวมถึงต้องมีการสร้างกิจกรรมให้ลูกทำระหว่างวัน เป็นกิจกรรมที่ลูกสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการสร้างความมีตัวตนให้กับลูก ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องทำกิจกรรมนอกบ้านเสมอไป การให้ลูกได้วิ่งเล่นไปมาในบริเวณบ้านก็เพียงพอแล้วสำหรับเสริมพัฒนาการให้ลูก

แต่อย่าลืมว่าก่อนที่คุณจะเลี้ยงดูลูกให้เติบโตอย่างมีคุณภาพในช่วงเวลาที่สถานการณ์บีบบังคับแบบนี้ได้ คุณจำเป็นที่จะต้องพร้อมเสียก่อน อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเหงา เครียด และกดดัน เข้ามารบกวนการเลี้ยงลูกของคุณเอง

ความกังวลอีกหนึ่งอย่างคือ หากเลี้ยงลูกให้อยู่แต่ในบ้านในช่วงนี้ ลูกจะมีทักษะการเข้าสังคมหรือไม่ เพราะไม่มีโอกาสได้ออกไปเจอผู้คนข้างนอกเลย ยกเว้นคนในครอบครัว Kai-leé Berke ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก แนะนำว่า การเรียนรู้ทักษะการสื่อสาร และการเข้าสังคมที่สำคัญที่สุด เริ่มจากคนในครอบครัว ไม่ใช่สังคมภายนอก

แต่หากคุณต้องการให้ลูกๆ รักษาความสัมพันธ์กับคนภายนอก โดยเฉพาะเด็กที่เริ่มไปโรงเรียน ลองให้พวกเขาคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ VDO Call, หรือแม้แต่วาดภาพแล้วส่งให้เพื่อนคนอื่นดูด้วยก็ได้เช่นกัน

เลี้ยงลูกอย่างไรในช่วงโควิด-19

Unicef ยังได้แนะนำวิธีการเลี้ยงลูกในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แบบง่ายๆ แต่ได้ประโยชน์สูงสุดดังนี้

หากมีลูกหลายคนต้องรู้จักแบ่งเวลาให้เท่าๆ กัน เพื่อทำให้ลูกรู้ว่าเขาคือคนสำคัญที่สุด ภาพจาก pixabay.com

ให้ความสำคัญกับลูกๆ ทุกคน

ถ้าคุณมีลูกหลายคน คุณควรแบ่งเวลาให้กับลูกๆ ทุกคนอย่างเท่ากัน ทำให้ลูกรู้สึกถึงความรัก และความปลอดภัยที่คุณมีให้ โดยอาจแบ่งเวลาให้ลูกคนละ 20-30 นาที และใช้เวลาในช่วงนี้ทำกิจกรรมที่ลูกอยากทำ เพื่อให้ลูกรู้ว่าเขาคือคนที่สำคัญที่สุด ซึ่งกิจกรรมที่ทำจะแตกต่างกันตามช่วงวัย

  • วัยเด็กทารก คุณอาจเลียนแบบเสียง และสีหน้าของเขา ร้องเพลง ทำเสียงเป็นจังหวะต่างๆ จากช้อนส้อม
  • วัยเด็กเล็ก คุณอาจอ่านหนังสือนิทานให้เขาฟัง ช่วยกันวาดรูป ระบายสี ร้องเพลง เล่นเกมด้วยกันก็ได้
  • วัยเด็กโต เน้นการพูดคุยเรื่องที่เขาสนใจ เช่น กีฬา เพลง ภาพยนตร์ที่เขาชอบ ช่วยกันทำอาหาร ออกกำลังกายด้วยกัน

สอนลูกด้วยความรัก

ในบางครั้งลูกของคุณอาจพูดไม่รู้เรื่อง และทำให้คุณหงุดหงิด แทนที่คุณจะดุเพื่อให้ลูกหยุดทำ ลองเปลี่ยนวิธีเป็นการชื่นชม เมื่อเขาทำในสิ่งที่คุณต้องการแทน เช่น หากเขาเก็บของเล่นเข้าที่เมื่อเล่นของเล่นเสร็จ ลองให้คำชม พูดว่าเขาทำดีมากๆ เพื่อให้เกิดการจดจำในอนาคต

ควรสร้างตารางชีวิตให้ลูก แบ่งเป้นเวลาเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เวลาทำกิจกรรมที่ชอบ และเวลาพักผ่อน ภาพจาก pixabay.com

สร้างตารางเวลาให้กับลูกๆ

แม้ว่าลูกๆ ของคุณจะไม่ได้ไปโรงเรียนในช่วงนี้ แต่การจัดตารางเวลาในชีวิตประจำวันให้ลูกก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดิม โดยอาจแบ่งเป็นช่วงเวลาที่คุณอยากให้ลูกได้เรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษาเพิ่มเติม เวลาพักทำกิจกรรมที่เขาชอบ เวลาออกกำลังกาย และเวลาพักผ่อน เมื่อเด็กๆ มีตารางเวลาเป็นของตัวเอง คุณก็สามารถแบ่งเวลาไปกับการทำงานของคุณเองได้ด้วยเช่นกัน

ใจเย็นๆ อย่าโกรธ

แน่นอนว่าเด็ก เป็นช่วงวัยที่กำลังเรียนรู้ที่จะแสดงออก และจัดการอารมณ์ของตัวเอง พวกเขารู้สึกยังไงก็แสดงออกแบบนั้น ดังนั้นจึงไม่แลปกหากเขาจะร้องไห้ โวยวาย โยนข้าวของเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ วิธีการที่ดีคือ คุณควรใจเย็นๆ แทนที่จะดุลูกกลับไปในทันที ให้ลองหายใจเข้าออกช้าๆ นับ 1-10 แล้วค่อยๆ เบียงความสนใจของลูกที่กำลังหงุดหงิด

พ่อแม่ควรใช้ช่วงเวลาที่ลูกหลับเพื่อจัดการกับอารมณ์ และความเครียดของตัวเอง ภาพจาก pixabay.com

รู้จักจัดการกับอารมณ์ และความเครียด

ในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คุณและลูกๆ อาจเกิดความเครียดสะสม ซึ่งสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการหาคนที่คุณไว้ใจเพื่อพูดคุยถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หลีกเลี่ยงการรับข่าวสารจาก Social Media ที่มากเกินไปจนอาจทำให้คุณเกิดความวิตกกังวล

รวมถึงหากมีช่วงเวลาที่ว่างจากการดูแลลูก เช่น เวลาที่เขานอนหลับให้ใช้เวลานี้ไปกับตัวเองบ้างเผื่อผ่อนคลายความเครียดที่เกิดจากการเลี้ยงลูก

อธิบายสถานการณ์โควิด-19 ให้ลูกฟังด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณจำเป็นต้องอธิบายสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ให้ลูกได้รับรู้บ้าง เพื่อเป็นการสอนลูกให้รู้จักรับมือกับสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงสอนไม่ให้ลูกรู้สึกกังวลกับสถานการณ์มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ลูกๆ เผลอมีอคติกับคนที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 แบบไม่รู้ตัว

ที่มา – Quartz, Unicef

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา