ความเครียดและความวิตกกังวล เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับอารมณ์ของคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความกดดันจากหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องงาน เรื่องครอบครัว รวมถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ ที่สร้างความเครียดและความวิตกกังวลให้เราโดยไม่รู้ตัว
Morra Aarons-Mele หนึ่งในผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการอารมณ์ เล่าว่า ความเครียดและความวิตกกังวล เป็นอารมณ์อย่างหนึ่งที่คนทุกคนมี ดังนั้นการรู้สึกถึงความกลัว และความไม่มั่นคงในสถานการณ์บางอย่างถือเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาแล้ว ต้องรู้จักจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นให้เป็น ซึ่งจะช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่เข้มแข็ง และเข้าใจอารมณ์ของตัวเองในที่สุด
โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้า หรือผู้นำของบริษัทจำเป็นที่จะต้องเจอกับเรื่องที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลมากกว่าคนอื่นๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่าแท้จริงแล้วความวิตกกังวลก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียเสมอไป เพราะหากเราสามารถทำความเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ จะช่วยให้เรากลายเป็นผู้นำที่ดีขึ้น
ในทางตรงกันข้ามหากเราเลือกที่จะละเลย ไม่ให้ความสำคัญกับความวิตกกังวล เราก็จะเลือกปลดปล่อยความวิตกกังวลออกมาในรูปแบบของการ ทำงานหนัก ดื่ม หรือปฎิบัติตัวไม่ดีต่อเพื่อนร่วมทีม ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ดีแน่ต่อบทบาทความเป็นผู้นำ
ดังนั้นเมื่อเกิดความวิตกกังวลขึ้นเราควรหาคำตอบให้ได้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร สถานการณ์อะไรที่ทำให้เรารู้สึกถึงความวิตกกังวล สำหรับคนที่รับบทบาทเป็นผู้นำความวิตกกังวลอาจเกิดจากปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ของบริษัท ทั้งความกดดันในการทำยอดขาย การใช้เงินงบประมาณต่างๆ
ความวิตกกังวลควบคุมไม่ได้ แต่จัดการได้
บางคนอาจมีความคิดว่าความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องแปลก ต้องเป็นคนที่อ่อนแอเท่านั้นที่จะเกิดความวิตกกังวล แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย และแม้ว่าเราคงไม่สามารถควบคุมไม่ให้เกิดความวิตกกังวลไม่ได้ แต่เราสามารถจัดการกับมันได้หลายวิธี
ทำความเข้าใจทำไมถึงวิตกกังวล เพื่อเป็นการเรียนรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การจดบันทึกไดอารีความวิตกกังวลเอาไว้ ว่าเราเกิดความวิตกกังวลขึ้นในเวลาและสถานการณ์อะไร เมื่อทำไปได้สักพักเราก็จะพอเห็นภาพว่ามีสถานการณ์อะไรที่ทำให้เรารู้สึกวิตกกังวลบ้าง
ออกกำลังกาย การออกกำลังกายนอกจากจะสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายแล้ว ยังเป็นการสร้างความแข็งแรงทางจิตใจให้เราได้อีกด้วย เพราะการออกกำลังกายต้องอาศัยสมาธิ และจิตใจที่จดจ่อกับการเล่นกีฬา ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความเครียดและความวิตกกังวลไปได้
ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ นอกจากการออกกำลังกายแล้ว การทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยอาจเริ่มง่ายๆ จากการพยายามจินตนาการว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ ที่มีบรรยากาศดี หรือจะทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การนั่งสมาธิ เล่นโยคะ หรือจะนวดเพื่อบรรเทาความปวดเมื่อยก็ได้เช่นกัน
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลายคนคงคิดว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยผ่อนคลายความเครียดและความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นได้ดี แต่ความจริงแล้วเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะแอลกอฮอล์มีผลข้างเคียงที่จะทำให้เรารู้สึกเครียดและวิตกกังวลมากกว่าเดิมได้
ที่มา – Fastcompany, Mentalhealth
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา