
คนเป็นสิวเท่านั้น ที่จะเข้าใจว่าการเลือกคลินิกรักษาสิว เป็นเรื่องสำคัญเอามาก ๆ หลายคนคาดหวังและแบกเอาปัญหาสิวเรื้อรัง สิวหายยาก รักษายังไงก็ไม่หายสักที มาที่ “คลินิกรักษาสิว” เพื่อที่จะได้รับการรักษาด้วยเทคนิคเฉพาะเจาะจง เหมาะสมที่สุด ปลอดภัยที่สุด และคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์มากที่สุด
ด้วยเหตุนี้เอง บทความนี้จะมาเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ว่า รักษาสิวด้วยตัวเอง หรือควรพบแพทย์แบบไหนดีกว่ากัน พร้อมแนะนำ 8 วิธีเลือกคลินิกรักษาสิวหายขาด ที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย ไม่เลี้ยงไข้ เพื่อคนเป็นสิวทุกคน ได้คลายกังวลปัญหาว่าจะรักษาสิวที่ไหนดี?
รักษาสิวด้วยตัวเอง VS ไปคลินิกรักษาสิว
รักษาสิวด้วยตัวเอง อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การรักษาสิวด้วยตัวเอง จากการซื้อยามาทา เช่น เจลแต้มสิว ยาทาสิว หรือยากินฆ่าเชื้อสิว สิ่งเหล่านี้ สามารถทำให้สิวหายได้โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดหลายประการ
- รักษาไม่ได้ผล โดยเฉพาะกับสิวอักเสบระดับรุนแรง หรือ สิวเรื้อรัง
- อาการสิวรุนแรงกว่าเดิม หากเลือกใช้ยาไม่เหมาะสม
- ผิวหนังพัง จากผลพวงของการเลือกใช้ยาผิด
- ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติ จากการซื้อยามาทานเองพร่ำเพรื่อ
ไปคลินิกรักษาสิว หากประเมินว่าสิวที่เป็นอยู่ ไม่สามารถรักษาด้วยตัวเองหายแน่ ๆ อยากให้ไปรักษากับคลินิกรักษาสิวก่อนที่สิวจะรุนแรงขึ้น เพราะถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบรักษาเอง แต่ก็มีข้อดีหลายประการ
- ได้รู้สาเหตุของการเกิดสิวที่แท้จริง
- ได้รับการรักษาที่ถูกต้องตามสาเหตุ
- ได้รับการรักษาด้วยเทคนิคเครื่องมือแพทย์ที่ครอบคลุมทุกปัญหาสิว
- ปลอดภัยสูง เพราะอยู่ในความดูแลของแพทย์ผิวหนังที่เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ รักษา ดูแลอย่างต่อเนื่อง
- ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงยาที่ซื้อมากินหรือยาทา
- ลดความเสี่ยงการเกิดแผลเป็นจากสิว
- ฟื้นฟูผิวหลังเป็นสิวให้กลับมาเรียบเนียนดังเดิม
8 วิธีเลือกคลินิกรักษาสิว ทำที่ไหนดี?
1. ตรวจสอบการรับรองและมาตรฐานที่ถูกต้อง
คลินิกควรได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สธ.) สังเกตป้ายทะเบียนคลินิกที่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีใบอนุญาตให้เปิดคลินิกเป็นเลข 11 หลัก ที่ต้องติดให้เห็นได้อย่างชัดเจน

2. ตรวจสอบความเชี่ยวชาญของแพทย์
จะต้องเป็นแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง (Dermatologist) มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่ถูกต้อง และแพทย์ที่ดูแลรักษาสิวให้เรา จะต้องคอยทำหน้าที่ครบถ้วน
- ให้คำปรึกษาเบื้องต้นอย่างตรงไปตรงมา
- วินิจฉัยสาเหตุของการเกิดสิวได้แม่นยำ
- เลือกเทคนิครักษาได้ตรงจุด
- ใช้อุปกรณ์รักษาสิวได้อย่างชำนาญ
- รักษาสิวตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เปลี่ยนมือหมอ
- ติดตามผลหลังการรักษา
3. ตรวจสอบรีวิวและผลลัพธ์การรักษาสิว
อ่านรีวิวจากผู้ที่เคยเข้ารับบริการในคลินิกนั้น และสังเกตภาพก่อน-หลังการรักษา (Before-After) ว่ามีผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดหรือไม่ เป็นที่น่าพอใจแค่ไหน และเช็กคำติชมอื่น ๆ เกี่ยวกับคลินิกนั้นๆ เพิ่มเติมด้วย
4. ดูอุปกรณ์แพทย์และเทคโนโลยีรักษาสิว
คลินิกรักษาสิวที่ได้มาตรฐาน ควรมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยและปลอดภัย เช่น เข็มสะอาด เลเซอร์ที่ได้มาตรฐาน สถานที่สะอาด อากาศถ่ายเท ราวกับได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

5. พิจารณาราคาและความคุ้มค่า
เช็กราคาและแพ็กเกจการรักษาสิว ของคลินิกที่สนใจเข้ารับบริการสัก 2 – 3 แห่ง และนำมาเปรียบเทียบราคากัน เพื่อให้เห็นถึงความเหมาะสมและสัมพันธ์กับคุณภาพการให้บริการ
6. สำรวจการให้บริการและคำแนะนำ
คลินิกที่ดีจะให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับปัญหาสิว โดยยึดหลักสาเหตุ ข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการยัดเยียดขายคอร์สหรือผลิตภัณฑ์เกินความจำเป็น
7. ปรึกษาก่อนตัดสินใจ
ควรนัดปรึกษากับคลินิกเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลของแต่ละแห่ง ประเมินจากแผนการรักษาและระยะเวลาในการเห็นผล ก่อนตัดสินใจเลือกที่ใดที่หนึ่ง

8. เลือกคลินิกใกล้บ้านหรือเดินทางสะดวก
การรักษาสิว ต้องพบแพทย์หลายครั้ง ดังนั้นควรเลือกคลินิกที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อเดินทางสะดวก หรือเลือกคลินิกที่มีหลายสาขา เพื่อรองรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
อยากให้สิวหายไว ปลอดภัย เลือกรักษาแบบไหนดี?
ถ้าเลือกรักษากับคลินิกรักษาสิว แน่นอนว่าคุณหมอผิวหนังจะต้องทำการประเมินระดับความรุนแรง หากเป็นสิวเล็กน้อยถึงปานกลาง คุณหมออาจจะประเมินให้ยารักษาที่เหมาะสม หรือเป็นวิธีหัตถการกดสิว ฉีดสิว เป็นต้น แต่หากเป็นสิวระดับรุนแรง เช่น สิวอักเสบ สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย จำเป็นต้องเข้ารับโปรแกรมรักษาสิวด้วยเครื่องมือแพทย์ร่วมด้วย เช่น เลเซอร์รักษาสิว กำจัดเชื้อสิว หายไว เห็นผลชัดเจน ไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง ถนอมผิวหลังเป็นสิวได้ดีอีกด้วย
แนะนำคลินิกรักษาสิว โดยคุณหมอผิวหนัง สาขาตจวิทยา
ลลิษาคลินิก (Laliza Clinic) เป็นคลินิกรักษาสิว ที่ประเมินการรักษาโดยแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ (สาขาตจวิทยา) และแพทย์ทุกท่านมีประสบการณ์รักษาคนไข้มานานกว่า 10 ปี จึงสามารถวินิจฉัยหาสาเหตุของการเกิดสิวของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด มีความชำนาญเฉพาะต่อการแก้ปัญหาสิวที่เกิดจากมลภาวะ โภชนาการ ฮอร์โมน และพันธุกรรม จึงสามารถเลือกโปรแกรมการรักษาสิวได้แม่นยำ หายขาด ไม่เลี้ยงไข้ ได้แก่ การรักษาเสริม (Adjunctive therapy) เช่น กดสิว ฉีดสิว และการให้ยาเคมีบำบัด ร่วมกับรักษาหลักด้วยเครื่องมือ อย่าง Laser รักษาสิว เป็นต้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ คลินิกรักษาสิว
รักษากับคลินิกรักษาสิว แพงไหม?
แม้ว่าจะมีค่ารักษาที่แพงกว่ารักษาด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ได้แพงมากอย่างที่กลัวกัน เริ่มต้นที่ 500- 2,000 บาท ไม่รวมหัตถการเลเซอร์และการทรีทเม้นท์ฟื้นฟูผิวหลังเป็นสิว ดังนั้นหากใครที่รู้ตัวว่าเป็นสิวแนะนำให้มาหาหมอตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้ค่ารักษาบานปลาย
กดสิวเอง VS คุณหมอกดสิวให้ อันไหนดีกว่ากัน
กดสิวเองจะต้องให้แน่ใจว่าทำอย่างถูกวิธีและสะอาดต่อผิวจริงๆ และมักจะได้ผลในกรณีเป็นสิวอุดตัน แต่หากเป็นสิวอักเสบแนะนำให้กดสิวกับคุณหมอจะดีที่สุด เพราะสะอาด ปลอดภัย ไม่ติดเชื้อ และไม่เสี่ยงเป็นแผลเป็น หรือหลุมสิว
รักษาสิวกับหมอแต่ไม่หาย เกิดจากอะไร?
สาเหตุหลัก ๆ เลย คือ ไปรักษากับหมอที่ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคผิวหนังอย่างแท้จริง จึงอาจวินิจฉัยคลาดเคลื่อน คนไข้อาจกำลังเผชิญกับโรคผิวหนังอักเสบชนิดอื่น หรือที่เรียกว่า ผื่นเซบเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) อยู่ก็เป็นได้
สรุป
หากคนไข้รักษาสิวด้วยตัวเองมาแล้วและรู้สึกว่าไม่ดีขึ้น สามารถรับคำปรึกษาได้ที่ คลินิกรักษาสิวที่รักษาโดยแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง อย่างเช่น คุณหมอผิวหนัง ที่จบหลักสูตรตจวิทยา ที่มีความรู้ความสามารถในการวินิจฉัยสาเหตุปัญหาผิวหนังบนร่างกายทุกส่วน และชำนาญเทคนิคการรักษาได้อย่างครอบคลุม พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อการรักษา อย่างเช่นที่ ลลิษาคลินิก มีบริการรักษาสิวแบบครบวงจร และมีราคาค่ารักษาที่สมเหตุสมผลจับต้องได้ เริ่มต้นเพียง 100 บาท หรือใครที่อยากศึกษาข้อมูลรีวิวคนไข้ที่เคยใช้บริการ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/lalizaclinic
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา