สิงคโปร์พร้อมเปิดประเทศแล้ว เร่งฉีดวัคซีนคนสูงวัย เร่งหาวัคซีนปลอดภัยให้เด็ก

นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี เซียนลุง เผย สิงคโปร์ต้องปรับวิธีคิดใหม่เกี่ยวกับโควิด-19 และไม่ปล่อยให้ประเทศหยุดเคลื่อนไหวเพราะความกลัว เราจะต้องทำให้ประเทศอยู่กับโควิดให้ได้ รัฐบาลพยายามจะผลักดันหลักเกณฑ์ด้านสาธารณสุขให้เรียบง่ายมากขึ้นเพื่อที่จะให้สิงคโปร์กลับมาเชื่อมต่อกับโลกได้ดังเดิม สิ่งที่ลี เซียนลุงกล่าวไว้ สรุปได้ดังนี้

สร้างความมั่นใจให้ประชาชน ฉีดวัคซีนแล้ว แต่ยังเป็นโควิดอีก รักษาให้หายได้

ลี เซียนลุงกล่าวว่า โควิด-19 กลายเป็นโรคที่พบได้ในประชากรส่วนใหญ่นั้น โรคนี้สามารถรักษาหายได้และยังมีอาการน้อยลง โดยฉพาะในคนที่ยังหนุ่มสาวหรือคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ประเด็นที่น่าห่วงสำหรับตอนนี้ก็คือ คนที่ติดโควิดและอาการหนักคือคนที่สูงอายุและคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ส่วนคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ก็สามารถฟื้นฟูตัวเองจากที่บ้านได้ กักตัวลำพังจากที่บ้านได้ โดยไม่ต้องกังวลมากนัก ถ้าประชาชนส่วนใหญ่สามารถฟื้นฟูตัวเองจากที่บ้านได้ ก็จะช่วยลดภาระของแพทย์ พยาบาลและโรงพยาบาลได้ด้วย

ผู้นำสิงคโปร์กล่าวว่า เขาเข้าใจที่ประชาชนบางส่วนอาจจะกังวลใจ ถ้าต้องพยายามฟื้นฟูตัวเองหากติดโควิดจากที่บ้าน (home recovery) เขาบอกว่า เขาจะทำให้แน่ใจว่า คนที่ฟื้นฟูตัวเองจากที่บ้านจะได้รับการดูแลและสนับสนุนตลอดระยะเวลาที่ต้องรักษาตัว ก่อนหน้านี้ การให้บริการเดลิเวอรี่เรื่องการดูแลรักษาผู้ที่ติดโควิดอาจจะเผชิญปัญหาหรือขาดแคลนไปบ้าง ตอนนี้รัฐบาลทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะแก้ปัญหาแล้ว และพยายามทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ แต่หากประชาชนต้องการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลก็สามารถทำได้

ทำให้หลักเกณฑ์ด้านสาธารณสุขเรียบง่ายมากขึ้น เมื่อติดโรค ต้องรู้วิธีจัดการ

โควิด-19 กลายเป็นโรคที่สามารถจัดการได้ สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือทำให้หลักเกณฑ์ด้านสาธารณสุขนั้นเรียบง่าย ประชาชนต้องการความชัดเจนว่า ถ้ามีผลตรวจโควิดเป็นบวกแล้ว ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร หรือหากไปสัมผัสใครที่ติดเชื้อ จะจัดการอย่างไรได้บ้าง ทุกคนจำเป็นต้องรับผิดชอบทั้งต่อสังคมและบุคคล ต้องตรวจโรคเมื่อจำเป็น ต้องแยกตัวเองอยู่ลำพังถ้ามีผลตรวจเป็นบวก ปรึกษาแพทย์หากมีอาการ ต้องรู้ว่าจะทำอะไรได้บ้าง เราจะไม่ปล่อยให้โรคโควิดกลายเป็นโรคที่น่ากลัวอีกต่อไป

ลี เซียนลุงขอให้ประชาชนทุกคนร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ทุกคนปลอดภัยไปด้วยกัน โดยเฉพาะคนสูงวัยที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เขาย้ำว่า ช้าหรือเร็วทุกคนก็อาจจะติดไวรัสได้ สิ่งที่เขาพูดนี้หมายรวมถึงทุกคน รวมทั้งคนสูงวัยด้วยที่อาจจะติดไวรัสได้ สำหรับคนสูงวัยแล้วหากติดไวรัสขึ้นมาก็ถือว่ามีความเสี่ยงอย่างแท้จริง

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีคนเสียชีวิตจากโควิด-19 รวม 42 คน ส่วนใหญ่คนที่เสียชีวิตคือคนสูงวัยและเป็นคนที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์อยู่ก่อนหน้าแล้ว คนสูงวัยคิดเป็น 1.5% ของจำนวนประชากรสิงคโปร์ มีราว 2 ใน 3 ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หากติดโควิดแล้วจำเป็นต้องรักษาใน ICU หรืออาจทำให้เสียชีวิตได้ ถ้ามีคนติดโควิดราว 5,000 คนต่อวัน ในทุกๆ วันจะมีคนที่ป่วยหนักราว 100 คน ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย เขากล่าวเสียใจที่มีคนเสียชีวิต แม้ว่าแพทย์และพยาบาลจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว พยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะทำให้คนป่วยหนักผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ มันน่าเศร้ามากที่มีคนต้องสูญเสียชีวิตไป

ความเสี่ยงที่จริงแท้สำหรับคนสูงวัยที่ไม่รับวัคซีน

ลี เซียนลุงขอให้คนสูงวัยที่ไม่ได้รับวัคซีน ออกมารับวัคซีน ส่วนคนสูงวัยที่ได้รับวัคซีนแล้ว ต้องได้รับเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานให้มากยิ่งขึ้น การรับวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงได้ คนสูงวัยมีความเสี่ยงมากกว่าคนหนุ่มสาว การฉีดเข็มกระตุ้นก็จะช่วยลดความเสี่ยงในอนาคตเช่นกัน การรับวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการหนักหากติดเชื้อได้มากกว่า 10 เท่า สิ่งที่คนสูงวัยต้องทำคือระมัดระวังที่จะจำกัดการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

นอกจากคนสูงวัยที่ลี เซียนลุงเป็นกังวลแล้ว ยังมีเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีอีกที่น่าเป็นห่วง เพราะพวกเขายังไม่สามารถรับวัคซีนได้ตามกฎหมาย ตอนนี้สิงคโปร์พยายามติดตามความก้าวหน้าการทดลองใช้วัคซีนในเด็กในสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด และจะเริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กอย่างเร็วที่สุดเมื่อวัคซีนได้รับอนุมัติให้ฉีดกับเด็กได้ โดยที่ผู้เชี่ยวชาญเองก็ต้องรับรองได้ว่าพวกเด็กๆ จะปลอดภัย

นอกจากนี้ ลี เซียนลุงระบุว่า สิงคโปร์จะสร้างระบบสาธารณสุขที่ช่วยให้คนป่วยหนักได้รับการรักษาทางการแพทย์ที่จำเป็นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องถังออกซิเจนหรือการดูแลในห้อง ICU สำหรับผู้ป่วยขั้นวิกฤต

กลับไปเชื่อมต่อกับโลกอีกครั้ง ด้วยความปลอดภัย

สิงคโปร์เริ่มทำ Vaccinated Travel Lane (SC/PR) แล้ว สิ่งนี้คือส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์เริ่มกลับมาเปิดประเทศ เปิดพรมแดนได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น สำหรับคนสิงคโปร์ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและสำหรับคนที่พำนักอยู่ในสิงคโปร์เป็นระยะเวลายาวนานและได้เดินทางออกจากสิงคโปร์ไป สามารถกลับเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องมีมาตรการกักตัว มีรายชื่อประเทศดังต่อไปนี้

เริ่มมีผลวันที่ 8 กันยายน 2021 เวลา 23.59น.

  • บรูไน
  • เยอรมนี

เริ่มมีผล 18 ตุลาคม 2021 เวลา 23.59น.

  • แคนาดา
  • เดนมาร์ก
  • ฝรั่งเศส
  • อิตาลี
  • เนเธอร์แลนด์
  • สเปน
  • อังกฤษ
  • สหรัฐอเมริกา

เริ่มมีผล 14 พฤศจิกายน 2021 เวลา 23.59น.

  • เกาหลีใต้
Singapore สิงคโปร์
ภาพจาก Shutterstock

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ ลี เซียนลุงกล่าวว่า เป็นโครงการนำร่องที่แสดงให้เห็นว่า บุคคลใดที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจะสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย โดยจะเปิดให้กับพื้นที่ที่พบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 น้อย มีการจัดการเป็นพิเศษสำหรับประเทศที่เริ่มมีสถานการณ์จัดการโควิดระบาดได้มีเสถียรภาพ เขายังอยากให้สิงคโปร์เชื่อมต่อกับห่วงโซ่อุปทานของโลกต่อไปและสิงคโปร์ยังต้องการรักษาสถานะเช่นนั้นอยู่ บริษัทหลายแห่ง นักลงทุนหลายคนจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับโลกผ่านการทำธุรกิจร่วมกัน ผู้คนยังต้องทำมาหากินเพื่อให้มีรายได้ในการดำรงชีพ

ปัจจุบัน โลกฉีดวัคซีนป้องกันโควิดไปแล้วรวม 46.53% ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสราว 11.58% ฉีดครบโดสราว 34.95% ส่วนสิงคโปร์นั้นฉีดวัคซีนไปแล้วราว 79.90% แบ่งเป็นฉีดครบโดส 78.02% ฉีดอย่างน้อย 1 โดสอยู่ที่ 1.88%

ที่มา – CNA, ICA, OurWorldInData

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา