ถ้าพูดถึงผลไม้ประเภทมะม่วงในยุคก่อนหน้านี้ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นผลไม้ธรรมดา สำหรับคนไทยอาจจะเรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีอยู่ทุกบ้าน แทบจะไม่ต้องหาซื้อให้ยากลำบาก แต่ถ้าพูดถึงมะม่วงยุคนี้ ผู้คนมักจะนึกถึงมะม่วงสุก เหลือง หอม หวาน ประเภทของหวานยอดนิยม เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง น้ำมะม่วง
ข้าวเหนียวมะม่วงหรือของหวานที่มีส่วนผสมมะม่วงกลับมาบูมอีกครั้งหลังนักท่องเที่ยวจีนให้ความนิยมอย่างมาก รวมทั้งความเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ที่ทำให้ผู้คนหันมาส่งออกมะม่วงมากขึ้น
ธวัชชัย วัชสิริเสรี เจ้าของร้านมะม่วงปั่น YenlyYours (เยนลี่ยัวส์) แบรนด์ไทยที่กำลังมาแรง ดำเนินธุรกิจมาแล้ว 10 ปี มี 15 สาขาในไทย และกำลังขยายสาขาไปต่างประเทศอีก 3 แห่งคือสิงคโปร์ กัมพูชา และกำลังเจรจากับเกาหลีใต้เพิ่ม
ธวัชชัยเล่าให้เราฟังว่า ก่อนหน้านี้ ครอบครัวมีสวนผลไม้อยู่จังหวัดเชียงราย ครอบครัวของเขาเชื่อว่าประเทศไทยมีผลไม้ที่ดีที่สุดในโลกอยู่ในมือ ไทยมีผลไม้มะม่วงที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร แต่คำถามที่น่าสนใจก็คือ ทำไมมะม่วงในฮ่องกง จีน เกาหลีใต้ถึงโด่งดังได้ ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ปลูกมะม่วง จากนั้นจึงเริ่มมีความคิดอยากผลักดันให้มะม่วงไทยกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
เป้าหมายของ YenlyYours: ส่งเสริมชาวสวน ผลักดันให้มะม่วงไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก
จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ YenlyYours นั้น เขาเล่าให้ฟังตั้งแต่การเริ่มตั้งชื่อร้าน ที่ต้องการตั้งชื่อให้เป็นสากล ชื่อที่ตั้งไม่จำเป็นต้องจำกัดเพียงความหมายเดียว แต่สามารถไปเปิดหน้าร้านหรือไปทำแบรนด์ในต่างประเทศได้ ทางครอบครัวจึงขอคำปรึกษากับพระผู้ใหญ่ที่นับถือกัน ท่านก็ให้ตัวอักษรมา 5 ตัวคือ ย ล ร น ว ให้นำมาประกอบรวมกันจนเป็นที่มาของร้านชื่อ YenlyYours ซึ่งก็บังเอิญว่าเป็นเมนูหลักของร้านที่คนชอบสั่งทานด้วย
พันธุ์มะม่วงที่ร้านนำมาใช้หลักๆ คือพันธุ์น้ำดอกไม้เบอร์ 4 (มีลักษณะสีเขียวข้างนอก ข้างในสีเหลือง) และพันธุ์สีทอง (มีผิวสีทอง) คนส่วนใหญ่มักรู้จักพันธุ์นี้กัน ทางบริษัทก็มีแม่ครัว มีฝ่ายวิจัยและพัฒนาคอยคิดค้นเมนูใหม่ๆ เรื่อยๆ ซึ่งปกติก็จะออกเมนูใหม่เป็นซีซัน
เมนูยอดฮิตที่เป็นเครื่องดื่มของร้านคือ มะม่วงปั่นเยลลี มะม่วงสาคูนมสด ส่วนขนมหรือของทานเล่นคือข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวมะม่วงเกล็ดหิมะ เวลาสั่ง ลูกค้าจะสั่งเป็นรหัสที่ทางร้านกำหนดเอง เช่น น้ำมะม่วงปั่นใส่เยลลี คือ F1 สั่งมะม่วงปั่นใส่สาคูนมสด คือ F2 สั่งขนมหวานเป็นมะม่วงปั่นเกล็ดหิมะเป็น T1 หรือข้าวเหนียวมะม่วงก็เป็น T3 การกำหนดเป็นรหัสเพื่อให้ลูกค้าจำได้ง่ายขึ้น
สวนมะม่วงส่วนมากจะส่งและขายรอบเดียว มีพาร์ทเนอร์ มีเครือข่าย แต่ละสวนส่งมา ทางร้านทำหน้าที่รับจากสวนและนำออกมาระบาย ในส่วนของลูกค้า ลูกค้าชาวจีนตอบรับดีมาก ลูกค้าคนไทยก็ตอบรับดี แต่คนไทยอาจจะไม่ค่อยอินเท่าไรเพราะคุ้นเคยกับมะม่วง ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าต่างชาติเยอะ มีทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ส่วนอินเดียและยุโรปจะมีจำนวนที่สูสีกัน
เปิดมาแล้ว 10 ปี มี 15 สาขาทั่วกรุงเทพฯ เริ่มขยายไปต่างประเทศแล้ว
เริ่มทำร้านครั้งแรกที่อเวนิว เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์ เปิดได้หนึ่งปี ก็ค่อยๆ ลองผิด ลองถูกไป และเริ่มขยายไปตามห้าง ตอนนี้ก็มีครัวกลางอยู่ในกรุงเทพฯ บริเวณจรัญสนิทวงศ์ ลูกค้าที่สนใจสามารถติดตามได้ที่สาขาเหล่านี้ (สามารถติดตามทาง LINE ได้ที่ @yenlyyours หรือ IG: yenlyyours)
- Yenlyyours (เยนลี่ยัวส์) – ชั้น G เซ็นทรัลปิ่นเกล้า
- ชั้น G เซ็นทรัลพระราม 3
- ชั้น G เซ็นทรัลบางนา
- ชั้น G เมกาบางนา
- ชั้น B เอ็มควอเทียร์
- ชั้น G เซ็นทรัลลาดพร้าว
- ชั้น G เซ็นทรัลเวสเกต
- ชั้น 4 ไอคอนสยาม
- ชั้น 2 สยามเซ็นเตอร์
- ชั้น 7 เซ็นทรัลเวิลด์
- ชั้น 6 เซ็นทรัลพระราม 9
- ชั้น 3 เซ็นทรัลอีสวิลล์
- ชั้น G เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
- เอเชียทีค โกดัง 6
- terminal 2 ชั้น 4 สนามบินดอนเมือง
ถ้าเปรียบสัดส่วนรายได้จากการขายพบว่า ยอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติอยู่ที่ 30-40% ถ้าเป็นลูกค้าคนไทยอยู่ที่ 60% จากนั้นทางเลือกของเครื่องดื่มก็เพิ่มขึ้น ยอมรับว่า ชานมไข่มุกเพิ่งมาบูม 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบให้กับยอดขายมากถึง 50% จึงแก้ปัญหาด้วยการทำเครื่องดื่มทางเลือกเพิ่ม เช่น น้ำมะม่วงนมสดไข่มุก ชาดำมะม่วง ชานมมะม่วง ซึ่งก็ช่วยฟื้นรายได้ราว 10-20% ยอดขายก็ยังตกอยู่ที่ 30%
ปรับตัวยุคโควิด: แม้นักท่องเที่ยวหาย องค์กรต้องอยู่ต่อไป ชาวสวนต้องรอด พนักงานไม่ถูกปลด
นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ลูกค้าชาวต่างชาติ 30-40% ก็หายไปเลย ชาวสวนต้องแบกรับต้นทุนหลายอย่างทั้งค่ายา ค่าปุ๋ย การปิดประเทศก็ทำให้ส่งออกไม่ได้ บางร้านก็จะต้องลดค่าเช่า ค่าสถานที่ ซึ่งช่วงนี้ มีนาคม – มิถุนายน ถือเป็นช่วงที่ส่งออกมะม่วงหนาแน่น สามารถส่งออกได้กิโลกรัมละ 50 บาท แต่ถ้าเป็นฤดูที่ขาดแคลนหน่อย ไม่มีค่อยมีผลผลิตคือช่วงสิงหาคม – กันยายน จะสามารถส่งออกได้ราคา 100 บาทต่อกิโลกรัม
โควิด-19 ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสาหัส ที่กระทบทั้งรายได้ ทำให้ขายได้น้อย พนักงาน คนสวนได้รับผลกระทบหมด ทางร้านก็ได้พยายามหาทางแก้ปัญหาด้วยการจัดแคมเปญซื้อ 1 แถม 1 เพื่อช่วยระบายสินค้าให้ชาวสวนด้วย 2 เดือนที่เริ่มมีการใช้มาตรการ Lockdown ก็ใช้แคมเปญซื้อ 1 แถม 1 ฉลองครบ 10 ปีทำให้ระบายสินค้าได้มากหลาย 10 ตัน แคมเปญนี้ไม่ได้กำไร แต่ช่วยให้พนักงานและคนสวนมีรายได้ ทางองค์กรไม่ได้กำไร แต่ก็มีความสุขที่ได้ช่วยเหลือทุกคน
โดยปกติ Yelyyours มีสาขาอยู่ 15 แห่ง ทางร้านขอเปิด 6 แห่งเพื่อให้เป็นครัวกลางสำหรับเดลิเวอรี่ได้ ทางบริษัทไม่มีนโยบายปลดพนักงาน ขณะนี้มีพนักงานเกือบ 50 คน ในส่วนของรายได้ต้องบอกว่า ไม่ถึงกับขาดทุน แต่ไม่ได้กำไรมากกว่า
ตอนนี้รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ทางร้านก็ไม่ได้ใช้แคมเปญซื้อ 1 แถม 1 แล้ว เพราะต้นทุนก็ค่อนข้างสูง Yenlyours จะปักธงขยายสาขาให้ทั่วประเทศ ตอนนี้ก็มีโปรโมชันถึงสิ้นเดือนนี้คือ ซื้อ 2 แก้ว ลด 20% ส่วนขนมหวานทานเล่นจะเป็นแบบซื้อ 1 แถม 1 ตอนนี้ก็มีผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเช่น มะม่วงแก้วขมิ้น เป็นมะม่วงอมเปรี้ยว รสหวาน มัน ทำเป็นเมนู มะม่วงน้ำปลาหวาน มีทั้งน้ำจิ้มแบบน้ำปลาหวาน กระปิหวาน และปลาร้าหวาน
อนาคตคิดว่าจะทำสวนมะม่วงสำหรับให้ท่องเที่ยว และตั้งใจจะพัฒนาสินค้าให้ได้หลากหลายรูปแบบ ทันสมัย และน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งก็จะมีผลไม้ตามฤดูกาลแต่ก็ยังมีมะม่วงเป็นวัตถุดิบหลัก อีก 5 ปีตั้งใจจะขยายให้ครบ 20 สาขา ใน 10 ประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ ธวัชชัยยังฝากกำลังใจสำหรับคนที่ท้อถอยในช่วงโควิด-19 ว่า ช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ช่วงแรกๆ ก็ถือว่าเป็นวิกฤตที่หนักสุด เวลาท้อก็พยายามนึกถึงคนข้างหลัง ไม่ได้มองแค่ตัวเองเป็นหลัก จะทำให้เรารู้สึกยอมแพ้ไม่ได้ เพราะมีสมาชิกอยู่ข้างหลังอีกเยอะ ทั้งครอบครัว ทั้งพนักงานที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ทั้งชาวสวน ทำให้ต้องคิดสู้เพื่อคนอื่นด้วย
ทุกอย่างมีทางออก ขอให้คิดว่า ชีวิตเกิดมามีครั้งเดียว ก็ทำให้เต็มที่ จนวันหนึ่งมันจะต้องดีขึ้น ถ้าหาทางออกไม่ได้ก็ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง ที่ปรึกษาสำคัญมาก หาคนข้างๆ คนในครอบครัว เพื่อนนั่งคุยให้ได้ไอเดียใหม่ๆ ขอให้สู้ สู้เพื่อคนอื่นด้วย อยากให้นึกถึงคนที่ลำบากกว่า เรามีสองมือสองเท้า ต้องไม่อดตาย ยังไงก็ต้องสู้ชีวิตต่อไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา