ปัจจุบันการแข่งขันของบัตรเครดิตในประเทศไทยเป็นไปด้วยความร้อนแรง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสของสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ที่กระตุ้นการใช้บัตรเครดิตจับจ่ายในชีวิตประจำวัน รู้หรือไม่ว่า JCB ซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินจากประเทศญี่ปุ่น สามารถทำให้ฐานผู้ใช้บัตรเครดิตในประเทศไทยเติบโตเฉลี่ยกว่า 35% ต่อปี 3 ปีติดต่อกัน
สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นเคยกับบัตรเครดิตของ JCB ในบทความนี้ Brand Inside จะพาไปเจาะลึกว่าทำไม JCB จึงกลายเป็นแบรนด์ที่สามารถแข่งขันในตลาดบัตรเครดิตในประเทศไทย และมีอัตราการเติบโตของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
รู้จักกับ JCB บัตรเครดิตที่เกิดมาเพื่อสร้างความต่างให้ลูกค้า
สำหรับ JCB เป็นเครือข่ายการชำระเงิน หรือผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1961 ก่อนที่จะเริ่มขยายกิจการไปต่างประเทศในปี 1981 ซึ่งในปัจจุบัน JCB มีลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตจำนวนกว่า 144 ล้านคนทั่วโลก และมีร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกว่า 35 ล้านแห่ง
สำหรับในประเทศไทย JCB มีลูกค้าผู้ถือบัตรอยู่ราว 1.5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นคนที่อยู่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว การเดินทาง หลงรักในประเทศญี่ปุ่น และสิ่งที่น่าสนใจคือ จำนวนลูกค้าผู้ถือบัตร JCB ในไทย เติบโตเฉลี่ยปีละ 35% ตั้งแต่ปี 2017-2019 มากกว่าคู่แข่งบัตรเครดิตรายอื่นๆ ถึง 5 เท่า
แถมยังมีข้อมูลอินไซต์ที่น่าสนใจคือ ชาวญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยเกิน 70,000 คน กว่า 70% เป็นผู้ที่ถือบัตรเครดิต JCB
ที่ผ่านมา เรามักคุ้นเคยกับแบรนด์ของ JCB ด้วยโลโก้คล้ายกล่อง 3 สี คือ สีน้ำเงิน แดง และเขียว เป็นกรอบล้อมรอบตัวอักษร JCB โดยมีลักษณะโค้งมน คล้ายกับตัว S ซึ่งมีความหมายแฝง 3 อย่างด้วยกัน คือ Support, Strength และ Sharing
ส่วนสโลแกนของ JCB คือ Uniquely Yours หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “JCB ในแบบที่ลูกค้าต้องการ” โดยเป็นสโลแกนใหม่นับตั้งแต่ปี 2015 เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการทำธุรกิจของ JCB ในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ ที่ต้องการสร้างความแตกต่างให้กับลูกค้าแต่ละคน โดยใช้ความแข็งแกร่งของเครือ JCB เอง รวมถึงการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อพัฒนาบริการให้ลูกค้า
โปรโมชันเด็ดจากบัตร JCB ที่ไม่ได้มีดีแค่ร้านอาหารญี่ปุ่น
ในด้านโปรโมชัน ที่นับเป็นไม้ตายที่เครือข่ายการชำระเงิน หรือบัตรเครดิตแต่ละเจ้าใช้สร้างความต่างให้กับตัวเอง แม้ JCB จะเป็นเครือข่ายการชำระเงินที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้ที่ผ่านมาหลายๆ คนอาจเข้าใจว่า JCB จะมีโปรโมชันที่ร่วมรายการกับร้านอาหารญี่ปุ่นเท่านั้น
แต่ในความจริงแล้ว บัตรเครดิตของ JCB มีโปรโมชัน และสิทธิพิเศษในหลากหลายหมวดหมู่ โดยเฉพาะผู้ถือบัตรระดับ Platinum ขึ้นไป ที่มีส่วนลดสุด Exclusive ตลอดทั้งปี ตัวอย่างเช่น
- หมวดร้านอาหารชื่อดัง เช่น Akiyoshi, Chabuton, Dak Galbi, DGB, Gyu-kaku, Katsuya, On-yasai, Seefah, Tenya และ Yoshinoya
- หมวดการเดินทาง ที่ JCB จับมือกับ Agoda, บริการเช่ารถยนต์ AVIS, ประกันภัย MSIG, บริการเช่า WiFi จาก Skyberry และ 4wifi
- หมวดไลฟ์สไตล์ เช่น Dolfin E-wallet, Golfdigg, Grab, HomePro online, Lazada, Major Cineplex,Tsuruha, Villa Market เป็นต้น
นอกจากส่วนลดทั้งปีสำหรับบัตรระดับ Platinum แล้ว ยังมีส่วนลดจากร้านค้าชั้นนำอื่นๆ อีกเป็นช่วงเวลา เช่น LINE MAN, HomePro, PT Gas Station, Tops, Siam Premium Outlet, Expedia, ประกันภัยต่างๆ เป็นต้น
จากโปรโมชัน และสิทธิพิเศษที่บัตร JCB มอบให้กับลูกค้า การมีบัตร JCB ติดกระเป๋าไว้ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะบัตร JCB สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกด้าน ทั้งเรื่องอาหาร การเดินทาง ไลฟ์สไตล์ หรือแม้แต่การช้อปปิ้งซื้อของ ก็สามารถใช้บัตร JCB ได้ทุกวัน
สำหรับใครที่ต้องการสมัครบัตรเครดิต JCB สามารถสมัครได้ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทั้งกับ ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงศรี, KTC, ธนาคารไทยพาณิชย์ และ Aeon
สามารถติดตามโปรโมชัน และสิทธิพิเศษอื่นๆ ของบัตรเครดิต JCB ได้ ผ่านทางลิ้งค์ด้านล่างนี้
- Facebook: https://www.facebook.com/JCBCardThailandTH
- เว็บไซต์ภาษาไทย: http://www.th.jcb/th/
- โปรโมชั่นต่างประเทศ: https://www.specialoffers.jcb/th/
- Global Website: http://www.global.jcb/
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา