หากต้องยื่นเรซูเม่ คิดว่าทักษะอะไรที่จะมาเพิ่มแต้มต่อความน่าสนใจในใบสมัครของตัวเอง AI? ภาษา? หรือการใช้โปรแกรม? Harvard Business Review ได้เปิดเผยงานวิจัยล่าสุดโดยบอกว่า ไพ่ลับของการทำงานแท้จริงแล้วอาจอยู่ที่ ‘Soft Skills’
ในวิจัยนี้ ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากกว่า 1,000 อาชีพในอเมริกา ครอบคลุมการย้ายงานกว่า 70 ล้านครั้งในอุตสาหกรรมต่างๆ ตลอดปี 2005-2019
โดยในงานวิจัยนี้ได้แบ่งประเภททักษะออกเป็น 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ 1. ซอฟต์สกิล ที่ต่อไปนีจะเรียกว่า ทักษะพื้นฐาน (Fundamental Skills) อย่างการ อ่านจับใจความ การเข้าสังคม การทำงานเป็นทีม และ 2. ทักษะเฉพาะทาง (Advanced Skills) เช่น บล็อคเชน หรือการใช้โปรแกรมเฉพาะทาง
ซึ่งทักษะพื้นฐานนี้เอง คือสิ่งที่หลายบริษัทในยุคนี้มักจะเลือกให้ไปต่อ โดยเฉพาะกับคนที่มีทักษะพื้นฐานที่ส่งเสริมไปกับเนื้องานที่ต้องทำ หรือเอามาต่อยอดได้ในองค์กร
เพราะในการทำงาน ยิ่งพนักงานมีทักษะพื้นฐานแข็งแกร่ง นั่นหมายถึงความสามารถในการเรียนรู้ได้ไว และพร้อมเปิดรับทักษะที่มีความแตกต่างและซับซ้อนใหม่ๆ ได้ มีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตในเส้นทางอาชีพ
ยืนหนึ่งท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
ปัจจุบันนี้ อุตสาหกรรมการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะภายหลังจากการเข้ามาของ AI ทั้งเครื่องมือการทำงาน วิธีการ ไปจนถึงรูปแบบ
ความสามารถในการปรับตัวคืออาวุธไม่ลับ ที่ทั้งองค์กรและตัวของพนักงานเองต้องมีก่อนที่จะตกขบวนจากการตามกระแสการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน ทำให้ความยืดหยุ่นและการปรับตัวกลายมาเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญที่ขาดไปไม่ได้ในยุคนี้
ถ้าถามว่าโลกของการทำงานเปลี่ยนเร็วขนาดไหน ก่อนหน้านั้น ทักษะเฉพาะทางบางอย่างอาจมีเวลากว่าจะหมดความต้องการภายใน 10 ปี แต่ในปัจจุบันนี้ เพียง 4 ปี ความต้องการในตลาดก็เปลี่ยนแล้ว และในอนาคต ทักษะหนึ่งอาจเหลือเวลาแค่ 2 ปี เท่านั้น
ยกตัวอย่างข้อมูลจาก LinkedIn ได้บอกว่าตำแหน่งนักพัฒนาเกี่ยวกับบล็อคเชน ลดลงกว่า 40% ในเวลาเพียงปีเดียว เนื่องจากความสนใจที่ถูกเปลี่ยนไปที่ AI
เข้าสังคมเก่ง คุณสมบัติที่องค์กรมองหา
อินโทรเวิร์ตอาจจะไม่สบายใจกับข้อนี้เท่าไหร่ แต่ในการทำงานร่วมกับองค์กร โดยเฉพาะองค์กรที่มีนโยบายออนไซต์ สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากคือการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ทั้งการติดต่อประสานงาน ถกไอเดีย หรือพูดคุยภายในองค์กร
การศึกษาของ David Deming เกี่ยวกับการจ้างงานในอเมริกาทำให้เราเห็นว่า การมี ‘ทักษะการเข้าสังคม’ ที่สูง กลายมาเป็นคุณสมบัติที่ถูกเพิ่มเข้ามาในการรับสมัครพนักงานถึง 12% นับตั้งแต่ปี 1980-2012
รวมไปถึงงานที่ต้องใช้ทั้งทักษะทางสังคมและทักษะเฉพาะทางร่วมกัน จะได้รับค่าตอบแทนที่สูงที่สุดอีกด้วย
สอดคล้องกับการศึกษาตำแหน่งงานระดับเมเนเจอร์ในอเมริกากว่า 34 ล้านตำแหน่ง ก็ทำให้เห็นว่า นับตั้งแต่ปี 2007 นายจ้างได้เพิ่มสัดส่วนของงานที่เน้นการทำงานเป็นทีม การสื่อสาร การโค้ชชิ่ง และการโน้มน้าวใจผู้อื่น เพิ่มเป็น 3 เท่า ขณะที่วิธีการทำงานแบบเดิมๆ กลับมีความต้องการลดลงต่อเนื่อง
ไม่ได้บอกว่าสกิลหลักไม่ดี แค่ควรใส่ใจสิ่งพื้นฐานด้วย
สุดท้ายนี้ ในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากองค์กรอยากให้พนักงานมีความพร้อมกับทุกเครื่องมือใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา การหันมาเพิ่มทักษะพื้นฐานให้กับพนักงาน จะสามารถช่วยให้ตัวบุคคลรวมไปถึงองค์กรมีความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ดีมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการมี Soft Skills หรือทักษะพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จะเป็นการเพิ่มโอกาสความก้าวหน้า แต่ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าทุกบริษัทจะมองหาสิ่งเดียวกัน โดยเฉพาะบริษัทที่มีการเข้า-ออกของพนักงานบ่อยครั้ง หรือในสตาร์ทอัปบางแห่ง
บริษัทเหล่านี้มักมองหาคนที่โปรไฟล์แน่น มีประสบการณ์ ครบเครื่อง และพร้อมใช้งานทันที มากกว่าทักษะพื้นฐานที่ต้องอาศัยเวลาใรการพัฒนาและปรับให้เข้ากับงานหลักอีกที ทำให้ส่วนนี้อาจไม่ใช่สิ่งแรกที่บริษัทบางแห่งให้น้ำหนักมากนัก
ที่มา: Harvard Business Review
10 ทักษะที่นายจ้างอยากให้ ‘พนักงาน’ มีมากที่สุดในปี 2025
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา