ในโลกยุคที่ 24 ชั่วโมงต่อหนึ่งวันช่างผ่านไปไวเสียเหลือเกิน วิถีคนเมืองคือตื่นนอนตอนเช้าไปทำงาน ก็เจอรถติด ตอนกลับบ้าน ก็ยังเจอรถติด เสาร์อาทิตย์จะให้ออกไปซื้อของก็ดูจะเป็นปัญหา เพราะอยากพักผ่อนหรือทำอย่างอื่นมากกว่า honestbee บริการเลือกซื้อและจัดส่งสินค้า บริษัทจากสิงคโปร์ ใช้โอกาสในช่องว่างนี้มาทำธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ซื้อของได้ แถมยังบอกว่าจะจัดส่งของให้อย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง (เฉพาะกรุงเทพเท่านั้น)
honestbee ตีตลาดคนเมือง ลดการสิ้นเปลืองเวลา
honestbee บริการเลือกซื้อและจัดส่งสินค้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ตผ่านระบบออนไลน์ เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยแล้ว โดยบริษัทแม่อยู่ที่สิงคโปร์ โจล เซง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการผู้จัดการ (CEO) เล่าว่า การที่เลือกขยายเข้ามาในไทย โดยเริ่มต้นจากใจกลางกรุงเทพ เพราะว่าตลาดที่นี่มีความน่าสนใจ ปัญหาหลักอย่างหนึ่งของคนในกรุงเทพคือ “รถติด” เป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตก honestbee เห็นถึงช่องว่างตรงนี้ว่าควรจะหาช่องทางที่ทำให้ผู้บริโภคสะดวกสบายที่สุด
“honestbee เป็นบริษัทให้บริการเลือกซื้อสินค้าที่ผู้บริโภคสามารถเข้าไปกดเลือกสินค้าจากระบบออนไลน์มีทั้งรูปแบบบนคอมพิวเตอร์และแอพพลิเคชั่นในมือถือ หลังจากเลือกสินค้าเสร็จแล้ว จะส่งต่อไปยังพนักงานเลือกซื้อที่มีความชำนาญในการเลือกซื้อของ มีการฝึกอบรมมาแล้ว หลังจากนั้นจะจัดส่งเดลิเวอรี่ไปถึงหน้าบ้านเลย”
โจล ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้าที่ honestbee จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ ได้แอบเปิดให้บริการก่อนหน้านี้อย่างลับๆ มาแล้ว 2 เดือนในเขตสาทร-สีลม ผลตอบรับคือมีคนเข้ามาใช้บริการกว่า 10,000 คน ถือเป็นจำนวนค่อนข้างสูง ยอดสั่งสินค้าแต่ละรอบไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท สำหรับการเปิดในวันนี้เลยค่อนข้างมั่นใจว่ายอดน่าจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10 เท่าในปีนี้ เพราะกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ คนทำงานที่มีกำลังซื้อสูง และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มจะเติบโตทางเศรษฐกิจสูง
มาทีหลัง มีคู่แข่ง แต่คนละตลาด เพราะพาร์ทเนอร์เป็นพรีเมี่ยม
คุณบุญเท คำมณีวงษ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย honestbee บอกว่า การทำธุรกิจเลือกซื้อและจัดส่งสินค้า การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะนอกจากสินค้าที่ไว้วางใจได้แล้ว สิ่งที่ต้องตระหนักคือ ทำให้พาร์ทเนอร์โตไปด้วยกัน ธุรกิจของเราก็จะไปต่อได้สวย ส่วนเรื่องคู่แข่งในตลาด แม้ว่าจะมีคู่แข่งอย่าง happy fresh ที่ทำธุรกิจคล้ายกัน แต่ honestbee มีความต่างอยู่ที่ “สินค้า” เพราะเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยม ตรงนี้จะต่างจากคู่แข่ง
ตัวอย่างพาร์ทเนอร์ของ honestbee เช่น Pipper Standard, Wishbeer, Ahmad Tea London, Simply W, Pierre Herme Paris, Perfect Earth Organics, Happy Flavour, Ja Guem Song, K-Market, Meyer และยังจะมีอีกหลายแบรนด์ที่จะตามมาในอนาคต
คำถามยอดฮิต จะไว้ใจคนเลือกสินค้าได้อย่างไร? แล้วกำไรมาจากไหน?
คำถามแรก คนที่จะมาเลือกสินค้าให้เรานั้นเป็นคนที่ต้องไปฝึกอบรมกับ honestbee มาก่อน และต้องผ่านหลักสูตร ถ้าไม่ผ่าน honestbee จะคัดออกไม่ให้ร่วมงาน แต่สามารถไปฝึกฝนแล้วกลับมาสมัครใหม่ได้
honestbee บอกว่าอาชีพคนเลือกสินค้าจะเป็นการสร้างงานให้กับคนตกงานได้อีกมาก และยังรวมไปถึงอาชีพคนส่งของเดลิเวอรี่ที่จะเป็นที่ต้องการในอนาคต ส่วนในตอนนี้ honestbee มีพนักงานเลือกสินค้าเพียง 100 กว่าคน และมีพนักงานจัดส่งสินค้าอยู่ 200 กว่าคน แต่ honestbee ย้ำว่า นอกจากธุรกิจจะสร้างความสะดวกสบายให้กับคนเมืองแล้ว ยังสร้างงานสร้างอาชีพให้กับผู้คนอีกด้วย
ส่วนเรื่องราคา honestbee เน้นว่าไม่มีการเพิ่มราคาเข้าไปในตัวสินค้าแน่นอน เพราะลูกค้าจะต้องได้ราคาเดียวกันกับที่แสดงในป้ายร้านค้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ถ้าถามว่ากำไรมาจากไหน honestbee บอกว่า มาจากการแบ่งกันเองของ honestbee กับกลุ่มที่พาร์ทเนอร์ที่ร่วมรายการสินค้า
ปัจจุบันพื้นที่การจัดส่งยังจำกัดอยู่เพียงในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ลูกค้าจะสั่งของกี่ชิ้นก็ส่งถึงหน้าบ้านทั้งหมด ราคาค่าจัดส่งเริ่มต้นที่ 60 บาท แต่ถ้าซื้อของครบ 590 บาท จะฟรีค่าจัดส่ง สามารถดูเว็บไซต์ของ honestbee ได้ที่นี่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา