เมื่อโลกยานยนต์หมุนไปทางรถยนต์ไฟฟ้า แต่เมื่อมองไปที่ค่ายรถญี่ปุ่นก็คงมีแต่ Nissan ที่รุดหน้าไปก่อนใครเพื่อน ซึ่งจากมันจะไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว เพราะ Honda ก็เตรียมเหยียบมิดไมล์ไล่จี้ พร้อมเป้ายอดขายสุด Aggressive
Vision 2030 และจุด Start ของรถยนต์ไฟฟ้า
ในอดีต Honda อาจเป็นอีกค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่เหมือนจะแทงกั๊กในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการออกเครื่องยนต์ Hybrid แค่ไม่กี่รุ่น แถมทำตลาดแบบมาๆ หายๆ แต่หลังจากปีนี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว เพราะ Honda ได้ปรับกระบวนความคิดตัวเองใหม่ พร้อมเดินหน้าธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรม
เมื่ออ้างอิงจากรายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2560 ของ Honda จะพบว่า ค่ายรถญี่ปุ่นรายนี้กำลังยกเครื่องกระบวนความคิดครั้งใหญ่ผ่านการออก Vision 2030 หรือวิสัยทัศน์สำคัญในการเดินหน้าธุรกิจให้อยู่รอดในอุตสาหกรรมนี้ไปจนถึงปี 2050 ซึ่งตอนนั้น Honda ก็จะมีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว
วิสัยทัศน์ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่กลยุทธ์ใหม่ในการทำตลาดแต่ละภูมิภาค แต่นั่นหมายถึงการเดินหน้ารถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มกำลัง เนื่องจากในปี 2030 ทาง Honda ได้ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไว้เป็น 1 ใน 3 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งในปีงบประมาณ 2560 ที่เพิ่งจบไป Honda ขายรถยนต์ไปกว่า 5 ล้านคัน
และเพื่อให้ธุรกิจเดินได้ตามวิสัยทัศน์ Honda เตรียมเพิ่มงบวิจัย และพัฒนาของปีงบประมาณ 2561 อีก 9.4% คิดเป็นมูลค่ากว่า 7.5 แสนล้านเยน (ราว 2.1 แสนล้านบาท) แถมเน้นหนักไปในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า และระบบความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือรถยนต์ไร้คนขับที่ Honda หวังว่าจะพัฒนาจนถึง Level 4 ภายในปี 2025
The 5 Levels of Driving Automation #SelfDrivingCar #RoboCar #AutonomousCar
Source: SAE International pic.twitter.com/ZevABvvdKJ— Duc Q. Duong (@DucDQ1088) January 21, 2018
Clarity กับการลองผิดลองถูกเพื่อต่อยอด
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น Honda ก็ส่งรถยนต์ไฟฟ้าตระกูล Clarity ที่มีทั้งเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid, Fuel-Cell และ Battery EV หรือรถยนต์ไฟฟ้า 100% วางขายในสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก เพื่อลองผิดลองถูกในตลาดนี้ก่อน หลังจากที่เคยทำตลาดแต่รถยนต์ Hybrid ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน
ขณะเดียวกัน Honda ยังเตรียมทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนโดยเฉพาะภายในปีงบประมาณ 2562 รวมถึงยังยืนยันว่าอยู่ระหว่างพิจารณาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในทุกตลาดอีกด้วย เพราะจากการเพิ่มงบวิจัย และพัฒนาก็ทำให้เกิด Electric Vehicle Development Division ที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่เครื่องยนต์ จนถึงตัวถัง
ซึ่งปัจจุบัน Honda มีการเดินสายการผลิตแบบ Global Model มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรุ่น HR-V, CR-V, Civic รวมถึงรุ่นที่กำลังทยอยเปิดตัวอย่าง Accord ทำให้ต้นทุนในการผลิตก็ย่อมน้อยลงโดยอัตโนมัติ แต่ค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นรายนี้ก็ยังไม่ทิ้ง Regional Model หรือรุ่นรถยนต์ที่พัฒนาสำหรับภูมิภาคนั้นๆ โดยเฉพาะ
เนื่องจาก Regional Model เป็นหนึ่งฟันเฟืองหลักของความสำเร็จที่ Honda สั่งสมมายาวนาน และตัวอย่างในตอนนี้ก็มีรุ่น Mobilio กับ BR-V ที่ทำตลาดในเอเชียโดยเฉพาะ และ Ridgeline กับ Odyssey ในอเมริกาเหนือ แต่ในทุกตลาดก็ทำงานประสานกัน เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งสู่ Inter-Regional
พลิกธุรกิจให้กลับมากำไรกว่า 8.4 แสนล้านเยน
จากการเดินหน้ากลยุทธ์ Global Model มากขึ้น ประกอบกับปัจจัยบวกเรื่องค่าเงินทำให้ Honda ปิดปีงบประมาณ 2560 ได้ค่อนข้างดีด้วยกำไรกว่า 8.4 แสนล้านเยน (ราว 2.4 แสนล้านบาท) แม้ยอดขายจะลดลงเล็กน้อยเหลือ 13 ล้านล้านเยน (ราว 3.7 ล้านล้านบาท) ก็ถือว่าดี เพราะทำธุรกิจย่อมเน้นที่กำไรอยู่แล้ว
และเมื่อตรวจสอบรายงานไตรมาสล่าสุดของปีงบปะรมาณ 2561 ก็พบว่า 9 เดือนที่ผ่านมาปิดยอดขายได้ที่ 11.4 ล้านล้านเยน (ราว 3.3 ล้านล้านบาท) และมีกำไร 7 แสนล้านเยน (ราว 2 แสนล้านบาท) ซึ่งสุดท้ายแล้วยอดขาย และผลกำไรอาจมากกว่าปีก่อนหน้านี้เล็กน้อย
สำหรับธุรกิจของ Honda ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ รถยนต์, รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์ต่างๆ โดยกลุ่มรถยนต์นั้นถือเป็นยอดขายหลัก รองลงมาเป็นรถจักรยานยนต์ สุดท้ายที่เครื่องยนต์ต่างๆ นอกจากนี้ทาง Honda ยังมีธุรกิจบริการทางการเงินเพิ่มเข้ามาในปีงบประมาณล่าสุดด้วย
ทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของ Honda ครั้งนี้น่าจะแสดงถึงความชัดเจนว่าการมุ่งไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นแบบใด ต่างเป็นวิธีที่ถูกต้องในการทำตลาดในอนาคต และส่วนตัวเชื่อว่าแบรนด์ Honda ไม่น่าจะหายไปจากตลาดง่ายๆ และคงอยู่กันเกิน 100 ปีตามเป้าหมายของ Vision 2030 แน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา