ในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมา มีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายที่สร้างสรรค์ Home Office ขึ้นมาในพื้นที่รอบๆ CBD ของกรุงเทพ (พื้นที่ใจกลางกรุงเทพ เช่น สีลม, ชิดลม, สาธร, เพลินจิต ฯลฯ) เพราะเล็งเห็นว่า office Building ไม่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ได้ ความอึดอัดของย่านใจกลางเมือง ราคาค่าเช่าที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และถึงจะมีรถไฟฟ้าแต่การเดินทางก็ไม่ได้สะดวกสบายอย่างที่คิด
แต่ด้วยข้อจำกัดของย่าน CBD ถึงกับทำให้ Home Office ได้รับความนิยมมากขึ้น? หรือว่ามีเหตุผลอะไรอีกบ้าง ซึ่งปัจจุบันมีหลายพื้นที่ ที่ได้รับความสนใจ เช่น ย่านพระราม 9, ทาวน์อินทาวน์, บางนา, แจ้งวัฒนะ และล่าสุด รามอินทรา ก็ได้รับความสนใจแล้วเช่นกัน
เดินทางได้ มีความไลฟ์สไตล์ สถานที่ออกแบบดี
ศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nirvana Development (เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์) บอกว่า เหตตุผลง่ายๆ ที่ Home Office ได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะ การอยู่รอบนอก CBD ทำให้สะดวกกับการเดินทางมากกว่า สามารถเดินทางเข้าเมืองก็ได้ แต่ก็ไม่ต้องมุ่งหน้าเข้าเมืองเผชิญกับรถติดหนักทุกวันทั้งเช้าและเย็น ในอีกทางหนึ่งก็ไม่ต้องลำบากกับการหาที่จอดรถ ยิ่งเป็น Home Office ส่วนใหญ่จะมีให้เพียงพออยู่แล้ว
ปัจจัยต่อมาคือ ไลฟ์สไตล์การทำงานที่เปลี่ยนไป Home Office สามารถตอบโจทย์ได้หมด ตั้งแต่เวลาการทำงานที่เปลี่ยนไป สามารถเข้า-ออกกี่โมงก็ได้ วันไหนก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดเรื่องตัวอาคาร มีพื้นที่ยืดหยุ่นกว่า รองรับพนักงานได้มากกว่า (เมื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อ ตร.ม.) และมีพื้นที่เพื่อ “ความเป็นกันเอง” มากขึ้น สนุกกับการอยู่ออฟฟิศ
อีกหนึ่งสิ่งที่เริ่มใส่ใจกันมากขึ้นคือ การออกแบบสถานที่ ที่ไม่ถูกจำกัดอยู่ในกรอบแคบๆ แต่สามารถเปิดกว้างทางความคิดสร้างสรรค์ได้ดีขึ้น
@WORK ของ Nirvana วางเป้าหมาย รามอินทรา พื้นที่แห่งใหม่
ศรศักดิ์ บอกว่า รามอินทรา กำลังเป็นพื้นที่ที่หลายคนจับตามอง รวมถึงบรรดานักธุรกิจรุ่นใหม่ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาบนถนนรามอินทราไม่มี Home Office เลย อาศัย ทาวน์โฮม, ทาวน์เฮ้าส์ ในการทำบริษัทมาตลอด @WORK จึงเกิดขึ้น อยู่รามอินทรา ก.ม.2 ไม่ห่างจากเซ็นทรัลรามอินทรา เลยไปเป็นทางเข้าลาดปลาเค้า ไปต่ออีกหน่อยมีบิ๊กซี ถือว่าระแวกนี้มีแหล่งกิน แหล่งช็อป ครบถ้วน
ส่วนการเดินทางอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (พหลโยธิน) ที่กำลังก่อสร้างอยู่ผ่านบริเวณวงเวียนบางเขน อนาคตจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูผ่านเส้นรามอินทรา กลับรถไปถนนพหลโยธิน ออกวิภาวดี-รังสิต หรือจะเลยไปแจ้งวัฒนะ ซึ่งมีศูนย์ราชการตั้งอยู่ ในทางกลับกันจาก @WORK เลยออกไปสามารถขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์เพื่อเข้าเมืองได้ หรือจะวิ่งเส้นเรียบทางด่วนไปลาดพร้าว และพระราม 9 ก็ได้ หรือจะเดินทางออกต่างจังหวัดก็ทำได้ไม่ยาก
“@WORK คงไม่ได้มาแย่ง Demand จากบริษัทในเมือง ต้องบอกว่าบริษัทข้ามชาติ หรือองค์กรขนาดใหญ่คงไม่ย้ายออกมา แต่สำหรับธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก ที่มีพนักงาน 30-50 สามารถย้ายออกมาได้ เป็นธุรกิจยุคใหม่”
การออกแบบคือหัวใจที่แตกต่าง ต้องมาสัมผัส
@WORK อยู่ระหว่างการสร้างเฟสแรก จำนวน 31 หลัง (เหลือเฟส 2 อีก 30 หลัง) คาดว่าจะแล้วเสร็จครบทั้งหมดปลายปี 60 โดยเป็น Home Office สูง 4.5 ชั้น มีให้เลือก 2 แบบ
TYPE A หน้ากว้าง 8 เมตร พื้นที่ 452 ตร.ม. 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ (ไม่รวมพื้นที่จอดรถกลาง 60 คัน) ชั้นที่ 1 จะดูโปร่งโล่งสบาย มีบันไดทางขึ้นลักษณะเหมือนสแตนด์เชียร์ มีชั้นลอย สำหรับรับแขก ชั้นที่ 2 เป็นห้องทำงาน ชั้นที่ 3 สำหรับผู้บริหาร และ ชั้นที่ 4 เป็นห้องพักส่วนตัว ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท
TYPE B หน้ากว้าง 6 เมตร พื้นที่ขนาด 363 ตร.ม. 1 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ โดยชั้นที่ 1 เน้นพื้นที่รับแขก การออกแบบที่ดูลงตัว ชั้นลอย เป็นห้องประชุมได้ ชั้นที่ 2 ห้องทำงานในมุมต่างๆ ชั้นที่ 3 แบ่งโซนทำงาน หรือผู้บริหาร และชั้นที่ 4 ยังคงเป็นห้องพักส่วนตัว ราคาเริ่มต้น 17 ล้านบาท
ผู้บริหารของ Nirvana บอกว่า ด้วยขนาดพื้นที่ 360-450 ตร.ม. @WORK เสียค่าผ่อนเดือนละประมาณ 120,000 บาท ซึ่งถ้าเป็น Office Building ในเมืองได้พื้นที่ไม่เกิน 200 ตร.ม. นี่คือข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจน และต้นปีหน้า Nirvana มีแผนพัฒนา Community Mall หน้าโครงการ และอาจมีพื้นที่ Co-Working Space ให้เช่าด้วย
แต่จะเข้าใจได้ดีขึ้น ต้องมาดูโครงการของจริงที่ รามอินทรา ก.ม.2
สรุป
สิ่งที่ Home Office ได้เปรียบมากๆ คือ พื้นที่ต่อ ตร.ม. ที่ดีกว่า การมีพื้นที่ใช้สอย ไม่มีข้อจำกัดเรื่องวันและเวลาในการทำงาน พนักงานสามารถสนุกกับการทำงาน ไม่อุดอู้อยู่ในออฟฟิศที่มีความจำกัดค่อนข้างสูง แต่ก็ต้องแลกกับการที่ บริษัท ต้องมีภาระหนี้สินแทนค่าเช่าสำนักงาน และหากพนักงานอยู่คนละมุมเมือง การเดินทางก็อาจจะยากกว่าการมุ่งหน้าเข้าเมือง (ซึ่งทางออกคือ ต้องมีรถส่วนตัว แต่ถ้ารถไฟฟ้าเสร็จในอนาคตอีกหลายปี ก็น่าจะสบายขึ้น)
สรุปถ้าเป็นธุรกิจขนาดกลาง-เล็กยุคใหม่ หรือ Startup ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา