กว่าจะเป็น Hoegaarden ในวันนี้ เปิดเบื้องหลังที่มาของเบลเยี่ยมวีทเบียร์ ความลับที่ถูกส่งต่อกว่า 575 ปี

ถ้าพูดถึงวีทเบียร์ (Wheat Beer) หรือเบียร์ที่ผลิตจากข้าวสาลี หลายคนย่อมนึกถึง Hoegaarden เป็นชื่อแรกๆ อย่างแน่นอน เพราะนี่คือเบลเยี่ยมวีทเบียร์ที่ไม่ได้มีดีแค่ชื่อเสียง หากแต่ยังมียอดขายสูงที่สุดในโลกอีกด้วย

แต่คำถามที่น่าสนใจคือ กว่าจะมาเป็น Hoegaarden ที่ทุกคนรู้จักกันดี ณ วันนี้ ถ้าให้ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของ Hoegaarden เอาเข้าจริงแล้ว มีที่มาที่ไป มีประวัติเบื้องลึกและเบื้องหลัง รวมถึงความลับอะไรบ้างที่น่ารู้

Brand Inside ขอชวนผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับ Hoegaarden ให้ลึกซึ้งมากขึ้นผ่านบทความนี้

Hoegaarden
Hoegaarden

“เบียร์” กับวัฒนธรรมการดื่มชั้นสูง และความคิดสร้างสรรค์ของนักบวชประจำหมู่บ้าน Hoegaarden

หากจะทำความเข้าใจการผลิตเบียร์ในอดีตเมื่อ 400-500 ปีที่ผ่านมา ต้องเข้าใจก่อนว่า บริบทของการผลิตเบียร์ในยุคนั้นผูกกับวัฒนธรรมการดื่มชั้นสูง โดยผู้ผลิตในยุคแรกคือนักบวชที่จะทำเบียร์หลังเสร็จกิจทางศาสนา

ในกรณีของ Hoegaarden (ฮูการ์เด้น) หากย้อนกลับไปในจุดเริ่มต้นของการผลิตคือปีค.ศ. 1445 หรือประมาณ 575 ปีที่ผ่านมา ด้วยฝีมือของนักบวชในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อว่า Hoegaarden ที่ผลิตเบียร์จากข้าวสาลีด้วยการหมักบ่มจาก 4 ส่วนผสมหลัก ได้แก่ ข้าวสาลี น้ำแร่ธรรมชาติ ฮ๊อป และ ยีสต์ 

Hoegaarden Village
Hoegaarden Village

แต่ความคิดสร้างสรรค์ของนักบวชในหมู่บ้าน Hoegaarden ไม่หยุดอยู่แค่นั้น เนื่องจากมีความพยายามไปเสาะหาเอาเครื่องเทศถึง 2 ชนิดจากซีกโลกฝั่งตะวันออกอย่าง เปลือกส้มเคียวราเซา Curacao และเมล็ดผักชีชั้นเลิศไปผสมผสานกับ 4 วัตถุดิบหลัก แล้วถึงนำมาผ่านกระบวนการหมักบ่ม ถึง 2 ครั้ง และไม่ผ่านการกรอง ก่อนที่จะบรรจุใส่ภาชนะ 

ทั้งหมดนี้กลายมาเป็นวีทเบียร์ Hoegaarden สูตรต้นตำหรับอย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้

จากนั้นต่อมา หมู่บ้าน Hoegaarden ในเบลเยียมจึงได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนแห่งการผลิตเบียร์ที่สำคัญ” โดยในช่วงศตวรรษที่ 19 มีโรงงานหมักเบียร์มากถึง 13 โรง และโรงกลั่นอีก 9 โรง แต่ได้ถูกทยอยปิดตัวลง ให้หลัง 10 ปี หลังจากที่โรงเบียร์ใน Hoegaarden Village ปิดตัวลง ปี 1965 นาย Pierre Celis (ปิแอร์ เซลิส) คนส่งนมที่เติบโตมาในย่านโรงหมักเบียร์ในหมู่บ้าน ได้นำวีทเบียร์ สูตรดั้งเดิมที่มีส่วนผสมของน้ำแร่ธรรมชาติ ยีสต์ ข้าวสาลี ฮ็อป เมล็ดผักชี และเปลือกส้มเคียวราเซา (Curaçao) กลับมาผลิตใหม่อีกครั้งและได้รับความนิยมอย่างสูง 

ตำนานวีทเบียร์สูตรดั้งเดิมของนาย ปิแอร์ เซลิส ที่มีแหล่งกำเนิดมาจาก Hoegaarden Village ได้กลายมาเป็นวีทเบียร์หรือเบียร์ขาวภายใต้แบรนด์ Hoegaarden ที่เป็นที่โปรดปรานของคนทั่วโลกในปัจจุบัน

เปิดความลับเบื้องหลัง Hoegaarden: วัฒนธรรมการเสิร์ฟที่สมบูรณ์แบบ

แน่นอนว่า กว่าจะมาเป็นวีทเบียร์ Hoegaarden อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ การเดินทางผ่านกาลเวลากว่า 575 ปีของ Hoegaarden ย่อมสั่งสมวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งเอาไว้ในนั้นมากมาย

หนึ่งในนั้นคือเอกลักษณ์การเสิร์ฟที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เรียกว่า “The 6 Steps Perfect Serve” โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. Step One: คุณสมบัติของแก้วที่ใช้เสิร์ฟต้องเป็นทรง “HEXAGONAL” หรือแก้วทรงหกเหลี่ยม มีสัญลักษณ์ Hoegaarden เท่านั้น โดยจุดเด่นของแก้วทรงหกเหลี่ยมนี้คือ ก่อนที่จะนำมาใช้เสิร์ฟจะต้องผ่านการล้างให้สะอาดและแช่ให้เย็น เพื่อให้แก้วและเบียร์ที่ผ่านการเสิร์ฟมีความเย็น และอีกสองสิ่งพิเศษของแก้วทรงหกเหลี่ยม คือ ทรงเหลี่ยมที่ส่วนล่างของแก้วจะช่วยป้องกันความร้อนจากมือและอุณหภูมิภายนอก สัมผัสกับน้ำเบียร์ เพื่อช่วยรักษาคุณภาพของเบียร์ และรวมถึงปากแก้วทรงกลมกว้างที่จะช่วยให้ผู้ดื่มสามารถสัมผัสกลิ่นหอมจากวัตถุดิบธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
  2. Step Two: การรินเบียร์จากหัวจ่ายลงสู่แก้ว จะต้องโยกคันหัวจ่ายเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว โดยปล่อยฟองเบียร์แรกไหลออก และให้ฟองเบียร์ต่อมาไหลลงสู่แก้ว เพื่อให้แน่ใจว่าเบียร์ทุกหยดที่รินลงสู่แก้ว มีความ “สด” จากถังอย่างแท้จริง
  3. Step Three: ขณะรินเบียร์จากหัวจ่ายลงสู่แก้ว จะต้องเอียงแก้วลักษณะ 45 องศา โดยเทคนิคคือต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้คันหัวจ่ายไปแตะตัวแก้วและเบียร์ และเมื่อรินเบียร์ได้ ¾ ของแก้วแล้ว ให้ตั้งแก้วตรง ขยับหัวจ่ายไปด้านหลังช้าๆ เพื่อให้เกิดฟองที่นุ่มละมุนขนาด 2 นิ้ว ทั้งหมดนี้เพื่อทำให้ผู้ดื่มแน่ใจได้ว่าเบียร์ทุกหยดที่ลงสู่แก้วเป็นเบียร์สดแท้ 100%
  4. Step Four: ปิดหัวจ่ายและนำแก้วเบียร์ออกอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เบียร์ล้นเปื้อนออกมานอกแก้ว จะทำให้บั่นทอนอารมณ์สุนทรีย์ 
  5. Step Five:  หากมีฟองเบียร์อยู่ด้านบนของแก้ว จะต้องปาดฟองเบียร์ส่วนเกินที่ทำปฏิกริยากับอากาศภายนอกออกจากแก้ว เพื่อคงไว้เพียงฟองและน้ำเบียร์ที่มีความสด บริสุทธิ์ มีคุณภาพเท่านั้น รวมถึงทำความสะอาดแก้วเบียร์ด้านนอก ทั้งด้านข้าง และด้านล่าง โดยต้องทำให้แน่ใจว่าสะอาดปราศจากคราบเบียร์และถือแก้วได้สะดวก
  6. Step Six: ขั้นตอนสุดท้ายคือการเสิร์ฟเบียร์พร้อมแผ่นรองแก้ว โดยจะหันสัญลักษณ์ Hoegaarden เข้าหาผู้ดื่ม เพื่อให้มองเห็นประสบการณ์ความสมบูรณ์แบบที่ส่งถึงมือได้อย่างชัดเจน 

วัฒนธรรมการเสิร์ฟที่สมบูรณ์แบบทั้ง 6 ขั้นตอนนี้ Hoegaarden บอกว่าเป็นสิ่งที่สืบสานและปฏิบัติต่อกันมาอย่างยาวจนเป็นประเพณีซึ่งถูกเล่าขานต่อกันมาจนเป็นตำนานกว่า 575 ปี ภายใต้ “The 6 Steps Perfect Serve” และนี่เองที่ถือเป็นความลับเบื้องหลังของ “The Secret of Perfect Taste” อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Hoegaarden ที่ผู้ดื่มไม่เคยสัมผัสจากจากที่ใดมาก่อน

สรุป

แม้จะผ่านมา 575 ปี แต่ Hoegaarden ยังยืนหยัดและเต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ วัฒนธรรม รวมถึงวัตถุดิบที่มีคุณภาพและส่งต่อความคิดสร้างสรรค์ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม Hoegaarden ถึงได้เป็นวีทเบียร์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในยุคปัจจุบัน 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา