โฮมโปร อวดผลประกอบการไตรมาส 1 รายได้โต 9.47% กำไรสุทธิ 1,611 ล้านบาท ช้อปดีมีคืนดันยอด

บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ หรือ HMPRO รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566 รายได้รวม 18,251.87  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.47% กำไรสุทธิ 1,611.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.63% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เหตุช้อปดีมีคืน และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวช่วยดันยอดขายผ่านช่องทางหน้าร้าน และออนไลน์

HomePro
Photo : Shutterstock

โฮมโปร รายได้เติบโต 9.47%

วีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ หรือ HMPRO เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 3 เดือนของบริษัท และบริษัทย่อย ประจำปี 2566 ว่า บริษัทมีผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 1 เท่ากับ 1,611.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.18 ล้านบาท หรือ 6.63% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

มีรายได้รวมจำนวน 18,251.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,579.35 ล้านบาท หรือ 9.47% โดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้จากการทำสัญญากับลูกค้า ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการบริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 17,223.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,462.53 ล้านบาท หรือ 9.28%

การเพิ่มขึ้นดังกล่าวในไตรมาสที่ 1 เป็นผลจากภาพรวมของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัว โดยปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้การบริโภคสินค้ากลุ่มปรับปรุงซ่อมแซมในภูมิภาคที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยวมีอัตราการเติบโตสูงกว่าภูมิภาคอื่นเป็นอย่างมาก

ช้อปดีมีคืนช่วยดันรายได้เติบโต

ประกอบกับภาครัฐมีการออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ได้แก่ มาตรการช้อปดีมีคืน ทำให้การบริโภคในประเทศของภาคเอกชนมีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทเติบโตสูงขึ้นทั้งในส่วนของสาขาและออนไลน์

ส่วนของกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการบริการลูกค้า (Home Service) รวมมีจำนวน 4,492.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 395.81 ล้านบาท หรือ 9.66% โดยอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขาย เพิ่มขึ้นจาก 25.99% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.08% ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง

บริษัทมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องในไตรมาส 1 เช่น งาน HomePro Expo 2023 และกิจกรรม Double Day รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ผ่านทางสาขาและช่องทางออนไลน์ และบริษัทยังมีรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่ารายได้จากการขายสินค้า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมเติบโตขึ้น 0.09%

ธุรกิจให้เช่าพื้นที่ฟื้นตัวเช่นเดียวกัน

บริษัทยังมีรายได้จากค่าเช่า จำนวน 476.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.08 ล้านบาท หรือ 16.08% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปร และศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว ได้แก่ พื้นที่ภาคใต้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

สำหรับแผนการขยายสาขาในไตรมาสที่ 1 ยังคงดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ โดยได้มีการเปิดสาขาเมกาโฮมใหม่จำนวน 3 สาขา ได้แก่ รัตนาธิเบศร์ บางพลี และติวานนท์ ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 บริษัทฯ มีโฮมโปร 87 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกาโฮม 21 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 7 สาขา

“ช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 นี้ บริษัทยังคงเผชิญแรงกดดันเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น อาทิ ค่าไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม่ ค่าซ่อมแซม ค่าใช้จ่ายทางการตลาดและการส่งเสริมการขาย และความผันผวนของตลาดการเงิน แต่ปัจจัยเหล่านี้ก็ได้ผลักดันให้บริษัทฯ มีการควบคุมดูแล วางแผนธุรกิจและกลยุทธ์ที่รัดกุมในด้านต่าง ๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวสูง” วีรพันธ์ กล่าว

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา