“ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว” แต่คุณหนูเล่นเรียนอินเตอร์ปีละล้านเลยนะขอรับ
‘กรมพัฒนาธุรกิจการค้า’ (DBD) เผย สมัยนี้ ผู้ปกครองรายได้สูง นิยมส่งบุตรหลานไปเรียน ‘โรงเรียนนานาชาติ’ แทนการไปเรียนเมืองนอก โดยเฉพาะตามเขตหัวเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี และภูเก็ต ที่มีโรงเรียนอินเตอร์ตั้งอยู่รวมกันมากกว่า 80%
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มองว่า จากการค้นคว้าของหน่วยงาน โรงเรียนนานาชาติเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองของไทย แต่เพราะอะไรนั้น มาดูกัน
ค่าเทอมปีละล้านก็ยอมจ่าย
รู้หรือไม่? ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติที่แพงแบบท็อป 10 ของไทยอยู่ระหว่าง 905,300-1,109,400 บาทต่อปี
แต่ต่อให้ราคาจะมากกว่าโรงเรียนทั่วไปขนาดไหน ผู้ปกครองรายได้สูง รวมถึงนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศที่เข้ามาทำงานในไทย ก็ยังเลือกให้ลูกหลานเรียนโรงเรียนนานาชาติ ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ
- อยากให้ลูกได้การศึกษาที่ดี
โรงเรียนนานาชาติเป็นสถาบันที่มีการขยายหลักสูตร เพื่อตอบสนองความต้องการของพ่อแม่
ผู้ปกครองกลุ่มนี้ต้องการการศึกษาคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานระดับสากล รวมถึงให้ความสำคัญกับอัตราส่วนระหว่างครูผู้สอนและนักเรียนด้วย โดยอัตราคุณครู 1 คน ต่อนักเรียน 8 คนนั้น สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพการศึกษาที่ดี พร้อมกับการดูแลเด็กๆ อย่างใกล้ชิด
- ต้องการสถานะทางสังคม
DBD เผยว่า ผู้ปกครองรายได้สูงเลือกที่จะลงทุนด้านการศึกษาให้บุตรหลาน เพื่อแลกกับการยอมรับในสังคม รวมถึงอยากให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมกับเครือข่ายสากล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและความมั่งคั่งด้วย
- ชอบความ Exclusive
ผู้ปกครองรายได้สูงมักมองหาประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ ซึ่งโรงเรียนนานาชาติมีให้ทั้งหลักสูตรเฉพาะ เครือข่ายระดับโลก และสภาพแวดล้อมที่ช่วยสร้างโอกาสการพัฒนาทักษะไปสู่สากล
รายได้โรงเรียนนานาชาติทั่วไทยพุ่งเกิน 7 พันล้านบาท

เมื่อมีอุปสงค์ ก็ต้องมีอุปทาน โดย ‘ศูนย์วิจัยกสิกร’ เผยว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติมากถึง 257 แห่ง
ขณะเดียวกัน DBD ก็ไปสำรวจโรงเรียนนานาชาติที่ได้รับความนิยมจำนวน 20 ราย ก่อนจะพบว่า ในปี 2023 รายได้รวมของธุรกิจนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น 7,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ถึง 28.04%
DBD ยังบอกอีกว่า โอกาสขยายตลาดของโรงเรียนนานาชาติในไทย ไม่ใช่แค่การเพิ่มสาขาเท่านั้น แต่รวมถึงการตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนยุคใหม่ อาทิ
- การเข้าสู่จังหวัดท่องเที่ยวที่มีต่างชาติอาศัยอยู่มาก
- การพัฒนาหลักสูตร STEM ซึ่งเป็นศาสตร์ 4 สาขา ประกอบไปด้วย Science, Technology, Engineering และ Mathematics
- การพัฒนาหลักสูตร Coding ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนฝึกคิดอย่างเป็นระบบ
- การพัฒนาหลักสูตร AI ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดแรงงานในอนาคต
- สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นปฏิบัติจริง และพัฒนาทักษะที่สำคัญสำหรับศตวรรษที่ 21
ธุรกิจการศึกษาในไทยโตเร็ว ต่างชาติแห่มาลงทุน
นอกจากโรงเรียนนานาชาติแล้ว หากมองในภาพใหญ่ ‘ธุรกิจการศึกษา’ ในไทยก็ไม่แย่เช่นกัน
ปัจจุบัน ไทยมีธุรกิจการศึกษาอยู่ 7,511 ราย ด้วยทุนจดทะเบียนร่วมกว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถจำแนกเป็น
- ธุรกิจการศึกษาขนาดเล็ก 7,362 ราย (98.02%) / ทุนจดทะเบียนรวม 3.3 หมื่นล้านบาท
- ธุรกิจการศึกษาขนาดกลาง 122 ราย (1.62%) / ทุนจดทะเบียนรวม 1.1 หมื่นล้านบาท
- ธุรกิจการศึกษาขนาดใหญ่ 27 ราย (0.36%) / ทุนจดทะเบียนรวม 6.2 พันล้านบาท
ถ้าถามว่าตัวเลขดังกล่าวถือว่าดีไหม อาจต้องย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพราะจะเห็นเลยว่าประเทศไทยมีการจัดตั้งธุรกิจการศึกษาและทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดย
- 2020: 502 ราย ทุน 1,012 ล้านบาท
- 2021: 512 ราย ทุน 719 ล้านบาท
- 2022: 616 ราย ทุน 1,496 ล้านบาท
- 2023: 889 ราย ทุน 1,733 ล้านบาท
- 2024: 979 ราย ทุน 1,875 ล้านบาท
- มกราคม-เมษายน 2025: 319 ราย ทุน 610 ล้านบาท
ด้านผลประกอบการในภาพรวมของธุรกิจการศึกษาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ก็เติบโตเช่นกัน โดย
- 2021: รายได้ 3.3 หมื่นล้านบาท / กำไร 1.5 พันล้านบาท
- 2022: รายได้ 3.9 หมื่นล้านบาท / กำไร 3.4 พันล้านบาท
- 2023: รายได้ 4.6 หมื่นล้านบาท / กำไร 5.8 พันล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ จริงๆ แล้วเงินทุนทั้งหมดนี้ ไม่ได้มาจากกระเป๋าของนักลงทุนไทยอย่างเดียว แต่มาจากนักลงทุนต่างชาติถึง 5,733 ล้านบาท ซึ่งสัญชาติที่ลงทุนมากที่สุดคือ อังกฤษ (30%) ตามด้วย จีน (11%) และ สิงคโปร์ (7%)
แม้อนาคตธุรกิจการศึกษาในไทย โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติ จะดูสดใสขนาดไหน แต่ทาง DBD ก็มองว่า ยังคงมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น อัตราการเกิดของประชากรที่อาจลดลงในระยะยาว หรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่อาจเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อกำไรสุทธิ
ดังนั้น อนาคตของโรงเรียนนานาชาติในไทยจะยังเติบโตรวดเร็วดั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมาอยู่หรือไม่ คงไม่มีใครทราบ แต่ด้านอธิบดีกรมฯ ยังเชื่อว่า หากธุรกิจรู้จักพัฒนาหลักสูตร ขยายไปยังจังหวัดท่องเที่ยว และพัฒนาคุณภาพการศึกษา โอกาสการเติบโตก็ยังคงมี
- เด็กไทยเกิดน้อย จนโรงเรียนรัฐ-โรงเรียนเอกชนทยอยปิด แต่โรงเรียนนานาชาติกลับโตพุ่ง เพราะพ่อแม่กำลังจ่ายสูงเพิ่ม-ชอบหลักสูตรนานาชาติมากกว่า
- โรงเรียนเอกชนเหนื่อย นานาชาติแย่งตลาด ทำนักเรียนลดลงสูงสุดปีละหลักร้อยคน รายได้หายหลายล้านบาท
ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา