“เฮิรตซ์” ผู้ให้เช่ารถรายใหญ่จากสหรัฐ ได้ประกาศล้มละลายแล้ว ซึ่งการล้มละลายคราวนี้มาพร้อมหนี้ก้อนใหญ่เกือบๆ 6 แสนล้านบาท หลังบริษัทเจรจากับเจ้าหนี้ไม่สำเร็จ
Hertz ผู้บริการให้เช่ารถรายใหญ่ ประกาศล้มละลายแล้ว หลังจากรับผลกระทบ COVID-19 ส่งผลทำให้ผู้เช่ารถยนต์ของบริษัทลดลง ซึ่งเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีผู้เช่ารถยนต์ของบริษัทในสหรัฐอเมริกามีเพียงแค่ 20% ขณะเดียวกันหนี้สินของบริษัทมีมากถึง 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เหลือเงินสดในการดำเนินกิจการเพียงแค่ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐเองเท่านั้น
รายได้หลักๆ ของ Hertz มาจากการให้เช่ารถยนต์ตามสนามบิน ช่วงที่ผ่านมาบริษัทรับผลกระทบจากมาตรการปิดเมือง ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาบริษัทได้ปลดพนักงานไปถึง 12,000 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 38,000 รายทั่วโลก ยกเลิกสัญญาเช่ารถถึง 90% โดยมองว่าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้หลายพันล้านเหรียญสหรัฐ
ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา Hertz ได้ผิดสัญญาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ เนื่องจากต้องเก็บกระแสเงินสดไว้ โดยเจ้าหนี้ของบริษัทได้ยืดเวลาชำระหนี้ไปจนถึงเส้นตายคือเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และบริษัทได้เข้าเจรจากับเจ้าหนี้ รวมไปถึงขอความช่วยเหลือจากกระทรวงการคลังของสหรัฐแล้ว แต่พบความล้มเหลว ก่อนที่จะแจ้งล้มละลายต่อศาลใน Delaware
สำหรับ Hertz นั้นก่อตั้งในปี 1918 โดย Walter L. Jacobs ในชื่อ Rent-A-Car ก่อนที่จะขายกิจการให้ John D. Hertz ในปี 1923 และใช้ชื่อ Hertz จนถึงปัจจุบัน
ในปี 2019 บริษัทรายงานว่า มีรถยนต์ไว้ให้เช่ามากถึง 568,000 คัน และมีสาขา 12,400 สาขาทั่วโลก รายได้หลักของบริษัทมาจากบริการเช่ารถในสหรัฐอเมริกา มีสัดส่วนมากถึง 71% ของรายได้รวม
อย่างไรก็ดี Reuters รายงานว่า การประกาศล้มละลายครั้งนี้เป็นกิจการของ Hertz ในสหรัฐเท่านั้น ขณะที่กิจการนอกสหรัฐ เช่น ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จะไม่ได้รับผลกระทบนี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา