Herbitage : เมื่อแบรนด์สกินแคร์ไทยที่มียอดขายกว่า 20 ล้านต่อปี แต่ทำไม… ถามใครก็ไม่รู้จัก!

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทรนด์ Clean Beauty และสกินแคร์จากธรรมชาติกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะที่หลายแบรนด์เลือกใช้ภาพของความเป็นธรรมชาติมานำเสนอ 

Herbitage กลับเลือกสร้างแบรนด์ด้วยฐานคิดแบบวิทยาศาสตร์ โดยเชื่อในศักยภาพของสารสกัดจากสมุนไพรไทย และผลักดันให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของคนไทย และเข้าถึงง่าย โดยที่มีเทคโนโลยีที่ไม่แพ้แบรนด์ระดับสากล

Herbitage: แบรนด์สกินแคร์ไทยที่เติบโตและขับเคลื่อนจากงานวิจัย

จากแบรนด์เล็กๆ ที่เคยเกือบต้องปิดตัว สู่ธุรกิจที่ทำรายได้กว่า 20 ล้านบาทต่อปี ในโลกที่แบรนด์สกินแคร์นับร้อยนับพันแข่งขันกันด้วยแคมเปญการตลาดและแพ็กเกจจิ้งล้ำสมัย มีแบรนด์หนึ่งที่เลือกเดินทางตรงข้าม นั่นคือ Herbitage สกินแคร์แบรนด์ไทยที่เชื่อว่า “สารสกัดจากสมุนไพรไทย” สามารถเป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าคุณภาพระดับสากลได้

จุดเริ่มต้นของแบรนด์: จากข้าราชการและติวเตอร์สู่เจ้าของแบรนด์ที่เน้นงานวิจัยเป็นตัวนำ

Herbitage ไม่ได้เกิดจากทีมทุนใหญ่หรือกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางเดิม แต่เกิดจากความตั้งใจของ รัชชานนท์ แก้วมณี อดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ที่เคยทำงานผลักดันสินค้าของเกษตรกรไทยในระดับนโยบายมานานกว่า 10 ปี และ ภานุวัฒน์ สงวนพุฒิจันทร์ เจ้าของสถาบันติวเตอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง มีความเชื่อในคุณภาพของ “สารสกัดจากสมุนไพรไทย” ที่ถูกมองข้ามและเป็นงานวิจัยขึ้นหิ้งที่ถูกปล่อยไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งสารสกัดเหล่านี้สามารถนำมาต่อยอดและสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าได้อย่างดีเยี่ยม ไม่แพ้สารสกัดจากต่างชาติที่คนไทยส่วนใหญ่นิยม แต่ด้อยค่าสารสกัดของไทยเอง 

ทั้งคู่ไม่ได้มีพื้นฐานด้านธุรกิจสกินแคร์มาก่อน แต่มีความเชื่อว่าถ้าผลิตภัณฑ์ดีจริง ตัวผลิตภัณฑ์จะขายได้ด้วยคุณภาพของตัวมันเอง จึงได้แต่มุ้งเน้นทางด้านงานวิจัยผลิตภัณฑ์อย่างหนักเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แท้จริง แต่ละเลยการทำการตลาดควบคู่กันไป จนกระทั่งสินค้าดีๆเกือบต้องตายไปจากตลาด!

จุดเปลี่ยน: จากแบรนด์ที่ไม่มีใครรู้จัก สู่ยอดขายปีละ 20 ล้าน

แม้ Herbitage จะเริ่มต้นมากว่า 7 ปี แต่ชื่อเสียงกลับไม่แพร่หลาย เพราะทีมผู้ก่อตั้งเลือกลงทุนเกือบทั้งหมดกับ R&D และการพัฒนาสูตร โดยแทบไม่ได้ทำการตลาดเลยในช่วงแรก ส่งผลให้ยอดขายต่ำจนเคยเกือบเลิกกิจการ

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อทีมตัดสินใจใช้ “เงินก้อนสุดท้าย” จ้างอินฟลูเอนเซอร์ในวงการสกินแคร์เพื่อเล่าเรื่องผลิตภัณฑ์แบบจริงใจ และเริ่มเปิดใจทำการตลาดแบบตัวต่อตัว ไลฟ์สดให้คำปรึกษาผู้ใช้ และตอบคำถามอย่างใกล้ชิด

ผลลัพธ์คือ ความเชื่อมั่นกลับมา พร้อมยอดขายที่เติบโตแบบก้าวกระโดด จนปัจจุบัน Herbitage ทำรายได้ปีละกว่า 20 ล้านบาทต่อปี โดยใช้พลังของ งานวิจัย และ รีวิวจากผู้ใช้จริง เป็นหัวใจหลัก

จุดยืน: ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลวิจัยและนวัตกรรม

สิ่งที่ทำให้ Herbitage แตกต่างจากแบรนด์ไทยส่วนใหญ่ คือการทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยชั้นนำของไทย ทั้ง KAPI จาก ม.เกษตรฯ, CENP จาก จุฬาฯ, ม.เชียงใหม่ และ ม.แม่ฟ้าหลวง เพื่อสร้างนวัตกรรมจากสารสกัดธรรมชาติ เช่น

  • Purified Bromelain จากเหง้าสับปะรด: พัฒนาเป็นเซรั่ม Anti-Aging, Whitening 
  • Oxyresveratrol จาก แก่นมหาด : พัฒนาเป็นเซรั่ม Whitening, Vit C ผสมสด
  • Resveratrol จากสเต็มเซลล์ถั่วลิสง: แก้ปัญหาผมขาดหลุดร่วงผ่านแชมพูและเซรั่มสูตรเฉพาะ ซึ่งนักวิจัยจาก ม.แม่ฟ้าหลวง ได้รับสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์เป็นระยะเวลา 20 ปี และ Herbitage เป็นผู้ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
  • Double Encapsulation Vitamin A: เทคโนโลยีที่ทำให้สารออกฤทธิ์เสถียรมากขึ้น ใช้ปริมาณน้อยลง แต่คงประสิทธิภาพได้ดีกว่าเดิม

กลยุทธ์สู้ยักษ์ใหญ่: ไม่แข่งด้วยงบ แต่แข่งด้วยคุณภาพและความเข้าใจ

แม้จะไม่มีงบการตลาดเทียบเท่าแบรนด์ใหญ่ แต่ Herbitage เลือกใช้กลยุทธ์แบบ “เข้าใจผู้บริโภคจริง”

ลูกค้าหลายคนกลายเป็น “ทีมร่วมวิจัย” ช่วยให้คำแนะนำ ทั้งเรื่องสูตรผลิตภัณฑ์ แพ็กเกจ ไปจนถึงกลยุทธ์การสื่อสาร ซึ่งทีมงานก็นำทุกเสียงมาใช้ในการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง

ทุกผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มีการทดสอบในกลุ่มอาสาสมัครจริง (Invivo) และมีการตรวจสอบประสิทธิภาพ และความปลอดภัยตามมาตรฐานวิทยาศาสตร์

รวมถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มกันแดดก็เช่นเดียวกัน ทางแบรนด์ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพทั้ง Invitro และ Invivo ซึ่งน้อยแบรนด์นักที่จะลงทุนกับการทดสอบเพราะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เพื่อให้ลูกค้าไม่เกิดข้อสงสัยในประสิทธิภาพของสารกันแดดอย่างที่เป็นข่าวดราม่าในปัจจุบัน 

นี่คือเหตุผลที่ทำให้ Herbitage ได้รับรางวัลด้านนวัตกรรมจากเวทีระดับประเทศ เช่น NRCT (สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ)  และ NSTDA (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) ในปี 2023 

เป้าหมาย: พาสกินแคร์ไทยไปยังเวทีโลก

แม้วันนี้ Herbitage จะยังเป็นแบรนด์ขนาดเล็กในสายตาหลายคน แต่ภารกิจของทีมงานคือ “ทำให้สารสกัดจากสมุนไพรไทยก้าวขึ้นเป็น functional ingredient ในระดับโลก” และสร้างโมเดลธุรกิจที่ให้คุณค่าแก่เกษตรกรไทย นักวิจัยไทย และผู้บริโภคชาวไทย ไปพร้อมกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา