ผลการศึกษาเผย การมีลูกไม่ได้แปลว่าชีวิตพ่อแม่จะมีความสุขเพิ่มขึ้น เพราะการมีลูกคือค่าใช้จ่าย กว่าคนเป็นพ่อแม่จะมีความสุขจริงๆ ต้องรอวันที่ลูกออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านด้วยตัวเอง
“ลูกคือความสุขของพ่อแม่” คือคำที่หลายคนเคยได้ยินคนที่เป็นพ่อแม่พูด ว่าลูกตัวน้อยๆ คือผู้ที่นำความสุขเข้ามาในชีวิตให้กับตนเอง แต่อย่างไรก็ตามการเลี้ยงลูกอาจไม่ได้มีความสุขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมาก ที่อาจทำให้ความสุขในชีวิตของคนเป็นพ่อแม่ลดลง
มีลูก ไม่ได้แปลว่าคนเป็นพ่อแม่จะมีความสุข
Jennifer Glass นักจิตวิทยาจาก University of Texas เล่าว่า คนเป็นพ่อแม่หลายคนเชื่อว่าลูกจะนำมาซึ่งความพึงพอใจในชีวิต (Life Satisfaction) แต่คำว่าความพึงพอใจในชีวิตเป็นคนละเรื่องกับความสุข การเงินที่ดี สุขภาพกายที่ดี และสุขภาพอารมณ์ ดังนั้นการมีลูกอาจไม่ได้แปลว่าความสุขในชีวิตของพ่อแม่จะเพิ่มขึ้นอย่างไร
นอกจากนี้ Glass ยังอ้างถึงการศึกษาความสัมพันความสุขระหว่างคนที่มีลูก กับคนที่ไม่มีลูก พบว่า คนเป็นพ่อแม่จะมีความสุขเพิ่มสูงขึ้นในนาทีที่ลูกเพิ่งจะคลอดออกมา แต่หลังจากนั้นความสุขที่มีจะค่อยๆ ลดลงตามกาลเวลา หลังจากที่พ่อแม่ค้นพบว่าการจะเลี้ยงลูก 1 คน ต้องทำอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าการมีลูกจะทำให้ชีวิตของพ่อแม่ไม่มีความสุขเลย เพราะพ่อแม่มักจะเลือกเก็บช่วงเวลาประทับใจที่มีกับลูก แต่ก็อย่าลืมว่าการมีลูกหมายถึงความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้พ่อแม่ต้องเจอกับความเครียดในชีวิตประจำวันมากกว่าคนที่ไม่มีลูก หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ชีวิตที่ไม่มีลูก คือชีวิตที่มีความสม่ำเสมอมากกว่า”
ความเครียดที่คนเป็นพ่อแม่ต้องเจอ จะเป็นความเครียดระดับต่ำ แต่คงอยู่ในเวลานาน ยกตัวอย่างหน้าที่ที่ทำให้พ่อแม่เครียดคือ การต้องตื่นขึ้นมาดูแลลูกที่เจ็บป่วยในยามดึก ทำให้คนที่เป็นพ่อแม่ต้องเผชิญกับปัญหาความเศร้า และความกังวลมากกว่าคนอื่นๆ
กว่าจะสบายได้ ก็ในวันที่ลูกเติบโตจนย้ายออกจากบ้าน
แน่นอนว่าความเครียดที่เกิดจากการเลี้ยงลูกไม่ได้หายไปเอง แต่ต้องรอวันที่ลูกโตขึ้นจนสามารถดูแลตัวเองได้ 100% ซึ่งจากผลการศึกษาของ University of Zurich ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า คนคนอายุมากที่มีลูก จะมีความสุขกว่าคนที่ไม่ได้มีลูกในกรณีที่ลูกๆ ย้ายออกจากบ้านไปแล้ว
Glass ให้เหตุผลว่าทำไมคนเป็นพ่อแม่ถึงไม่มีความสุขว่า เป็นผลมาจากความผูกพันทางอารมณ์ที่พ่อแม่มีต่อลูกของตัวเอง ซึ่งกลายเป็นว่าความผูกพันนี้ทำให้พ่อแม่มีความรู้สึกกังวลมากขึ้น
ยิ่งในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ผู้หญิงต้องกลายเป็นฝ่ายอยู่บ้านดูแลลูก จนต้องยอมลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูกที่บ้านมากขึ้น และพ่อแม่กว่า 48% ในสหรัฐอเมริกายอมรับว่ามีความเครียดเพิ่มขึ้นในช่วงที่โควิด-19 ระบาด
เรื่องเงิน เรื่องใหญ่ในการเลี้ยงลูกให้ได้ดี
นอกจากประเด็นความเครียดที่เกิดจากความกังวล หน้าที่ความรับผิดชอบในการเลี้ยงลูกแล้ว ปัจจัยเรื่องเงินก็มีส่วนสำคัญเช่นเดียวกันที่เพิ่มความเครียดให้กับคนเป็นพ่อแม่ ถึงขนาดที่ว่าพ่อแม่บางคนบอกว่าถ้าพูดถึงการเลี้ยงลูก ถ้าตัดเรื่องเงินออกไป ชีวิตจะมีความสุขเพิ่มขึ้น
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูก 1 คนให้เติบโตได้ เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงพอตัว อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกาเอง เคยมีการเก็บข้อมูลคิดค่าเฉลี่ยจำนวนเงินที่พ่อแม่ต้องใช้ในการเลี้ยงลูกตั้งแต่แรกเกิด จนอายุ 17 ปี ต้องใช้เงินกว่า 233,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7.1 ล้านบาท
ส่วนในกรณีของประเทศไทยเอง เคยมีงานวิจัยจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ต้นทุนการเลี้ยงลูก 1 คน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 14 ปี จะมีค่าใช้จ่ายรวม 1.57 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาคิดเป็นสัดส่วน 32% ของต้นทุนทั้งหมด
เมื่อการมีลูกหมายถึงความกังวลหลายอย่างในชีวิต จากหน้าที่ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการต้องใช้เงินมหาศาลในการเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ จึงอาจหมายความว่าคนที่ไม่มีลูกมีเวลา มีอิสระในชีวิต และมีเงินที่จะเติมเต็มชีวิตของตัวเองได้ดีกว่า หรือใช้เงินที่ตัวเองมีในการซื้อความสุขให้ตัวเองได้ง่ายกว่า
อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าการมีลูก จะแปลว่าชีวิตของพ่อแม่จะไม่มีความสุขเลย เพราะการมีลูกยังมีข้อดีอยู่อีกมาก เช่น การมีลูกสร้างช่วงเวลาการมีความสุขระหว่างคนในครอบครัว รวมถึงการเติมเต็มความหมายให้กับชีวิตของคนที่เป็นพ่อแม่
ที่มา – cnbc
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา