HAVAS เป็นเอเจนซี่ใหญ่ในฝั่งยุโรป ภายหลังจากที่เข้ามารวมกิจการกับ Riverorchid ซึ่งเป็นทั้งบริษัทวิจัยการตลาดและผู้บริโภค และดูแลสื่อต่างๆ ในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, พม่า และ เวียดนาม) เมื่อเดือน ก.ย. 58 ที่ผ่านมา ทำให้การบุกตลาดสื่อ (Media) ในตลาด CLMV รวมถึงอาเซียนทั้งหมด มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ถือว่าเวลานี้ HAVAS Riverorchid เป็นเอเจนซี่รายเดียวที่ให้บริการได้ครอบคลุม 9 ประเทศในอาเซียน (ยกเว้นบรูไน)
สันติพงศ์ พิมลแสงสุริยา พันธมิตรผู้ก่อตั้งและ CEO ของ HAVAS Riverorchid บอกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา HAVAS มีการเติบโต 29% จากปกติจะเติบโตประมาณ 20% และตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นเอเจนซี่ครบวงจร ขึ้นเป็นผู้นำระดับ TOP3 ในทุกตลาด และครั้งนี้ HAVAS ได้เผยข้อมูลจาก 4 ตลาดแรก คือ CLMV ว่ามีลักษณะและความน่าสนใจอย่างไร
ลาว
เป็นตลาดขนาดเล็กมีประชากรประมาณ 6 ล้านคน ดังนั้นจึงไม่มีเอเจนซี่ให้ความสนใจ HAVAS จึงนำเป็นเจ้าตลาดแต่เพียงผู้เดียว ขณะที่สื่อหลักคือ TV ส่วนใหญ่คนลาว ชอบดูรายการทีวีจากไทย จึงใช้งบประมาณในสื่อโฆษณาทีวีน้อยมาก (เพราะดูจากไทย) แต่สิ่งที่เป็นโอกาส คือ ช่วงข่าว เพราะคนลาวไม่ดูข่าวจากไทย (ไม่มีประโยชน์) ดังนั้นช่วงข่าวทีวี ช่องของลาวจึงมีเรทติ้งสูงมาก
ขณะที่สื่ออื่น เช่น OOH, Radio และ Event มีบ้างแต่ก็ไม่มากนัก ขณะที่สื่อดิจิทัล ที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ Facebook และ Wechat (เพราะมีแรงงานจากจีนเข้ามาสร้างรถไฟความเร็วสูง)
กัมพูชา
มีการเติบโตดี สื่อยังมีราคาถูก มีประชากรประมาณ 15 ล้านคน ซึ่ง HAVAS เป็นเอเจนซี่อันดับ 1 ในตลาด โดยทีวี เป็นสื่อหลักที่ขับเคลื่อนตลาด มีประชากรดูทีวีประมาณ 90% ขณะที่ Facebook เป็นสื่อดิจิทัลที่เติบโตเร็วมาก และคนกัมพูชาใช้ Facebook เป็นทุกอย่าง เช่น เครื่องมือค้นหา, แมสเสจจิ้ง, และโซเชียล ดังนั้นการแข่งขันผ่านสื่อดิจิทัลจึงรุนแรงมาก
ส่วนที่เป็น Potential ของกัมพูชา คือ มีประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งใช้สมาร์ทโฟน และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา และยังมีการใช้งาน Mobile Money อย่างเข้มข้นผ่านแอพพลิเคชั่นที่เรียกว่า WING มีการใช้มือถือในการจ่ายเงิน โอนเงิน รับเงินเดือน และยังมี Micro Finance ปล่อยเงินกู้รายย่อย ซึ่งสามารถทำได้เพราะเบอร์โทรศัพท์มือถือของกัมพูชา มีการลงทะเบียนกับ ID ของประชาชนอย่างเป็นระบบชัดเจน
พม่า
พม่ามีประชากรกว่า 50 ล้านคนมีภูมิประเทศติดอินเดียและจีน เนื่องจากเปิดประเทศมานาน มีการควบคุมที่เข้มงวด และมีการวางแผนการลงทุนที่รัดกุม เช่น การให้สัมปทานธนาคาร 14 ราย (ไทยได้ 1 ราย คือ ธนาคารกรุงเทพ) โดยจะดูจากความเหมาะสมที่พม่าจะได้รับ มีผู้ให้บริการมือถือ 2 ราย และมีรายสำรองรออยู่ด้วย ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตทั้ง 2 ราย ต้องทำให้ได้ตามเงื่อนไข เชื่อว่าในอีก 10 ปีจะเป็นประเทศที่น่าสนใจมาก
ในมุมการใช้สื่อ พม่าดูทีวีเป็นหลักประมาณ 65% ของประชากร แต่ด้วยสัญญาณที่ยังไม่ครอบคลุม ทำให้สื่อ DVD ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน OOH อยู่ในการควบคุมของรัฐ ส่วนสื่อดิจิทัล เจ้าประจำคือ Facebook เติบโตเร็วมาก และรัฐบาลควบคุมได้ยาก ที่ผ่านมามีการรณรงค์แคมเปญเลือกตั้งผ่าน Facebook อย่างมหาศาล และเริ่มมีแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Twitter, Whatsapp เว็บไซต์ต่างๆ และ Social Media ของพม่าเอง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันค่าอินเทอร์เน็ตในพม่ายังมีราคาสูง เพราะโครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม แสดงให้เห็นว่าอีก 10 ปีจากนี้ พม่าจะเปลี่ยนแปลงทุกวัน ดังนั้นแบรนด์ต่างๆ ต้องเปลี่ยนตามให้ทัน
สำหรับเอเจนซี่ในพม่า มีมากกว่า 20 ราย การจะทำสื่อต่างๆ ในพม่าต้องการเงินสดค่อนข้างสูง การซื้อสื่อต้องจ่ายเงินล่วงหน้า เพื่อจองคิว มีกฎหมายคุมเข้มตลอดเวลา เพราะสื่อ ถือเป็นภัยคุกคามประเทศ ต้องผ่านการอนุญาตและสามารถยกเลิกหรือปิดกั้นได้ตลอดเวลา
เวียดนาม
ในกลุ่มประเทศ CLMV เวียดนามมีการเติบโตมากที่สุด มีประชากรกว่า 90 ล้านคน รัฐเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และประชากรเฉลี่ยมีความรู้สูง มีการพัฒนาเมือง 4-5 เมืองพร้อมๆ กัน เช่น ฮานอย, โฮจิมินห์, ดานัง มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูง รัฐให้บริการอินเทอร์เน็ตวามเร็วสูงและบริการมือถือ และมีคู่แข่งเป็นเอกชน
สื่อในเวียดนาม ทีวี เป็นหลักมีประมาณ 70 ช่อง มี Social Media ของตัวเอง ชื่อว่า Zalo มีผู้ใช้ประมาณ 30 ล้านราย และยังมีการใช้งาน Social อื่นๆ อย่างหลากหลาย และเป็นประเทศที่มีความดิจิทัลสูงมาก เพราะประชากรยังอายุน้อย เปิดรับสิ่งใหม่ การแข่งขันด้านสื่อสูงมากเหมือนเมืองไทย แต่มีมูลค่าตลาดโฆษณาประมาณ 30-40% ของไทยเท่านั้น แสดงว่ายังสามารถเติบโตได้อีกมาก
การจะเข้าทำตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ต้องรู้เขารู้เรา รู้รายละเอียดข้อบังคับ ข้อจำกัดต่างๆ ในประเทศเหล่านั้น ต้องวิจัยการตลาด วางแผน วางกลยุทธ์ เข้าใจผู้บริโภค ต้องพร้อมจะเปลี่ยนแปลง ศึกษาข้อมูลใหม่ๆ ตลอดเวลา
Image Credit: Wikimedia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา