ตอนนี้หนึ่งในแบรนด์จักรยานยนต์เก่าแก่อย่าง Harley-Davidson กำลังอยู่ในช่วงวิกฤต เพราะยอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง และถึงจะเริ่มเปิดไลน์ผลิตอีกครั้ง ทุกอย่างก็ไม่สามารถเดินหน้าได้เหมือนเดิม
เน้นรุ่นที่สามารถจำหน่ายได้จริง
หลังจากปิดโรงงานผลิตในสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่เดือนมี.ค. ในที่สุด Harley-Davidson ก็กลับมาเปิดไลน์ผลิตอีกครั้ง แต่การเปิดครั้งนี้กลับไม่เต็มรูปแบบเหมือนเดิม เพราะทางแบรนด์ตัดสินใจผลิตแต่จักรยานยนต์รุ่นที่จำหน่ายได้ดี พร้อมกับลดจำนวนสีให้เลือก และไม่สามารถปรับแต่ง (Customize) ได้เหมือนเมื่อก่อน ในตลอดทั้งปีนี้
เนื่องจาก Harley-Davidson ต้องการควบคุมต้นทุนการผลิตเพื่อผ่านพันวิกฤตยอดขายตกต่ำไปให้ได้ พร้อมกับเดินหน้าตามกลยุทธ์เน้นตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก พร้อมกับตัดการทำตลาดในประเทศที่ไม่สามารถทำกำไรได้ออกไป แต่ถึงอย่างไรการทำตลาดในสหรัฐอเมริกาปีนี้ก็ไม่สามารถทำได้เต็มที่
เพราะการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน และถึงวิกฤตนี้จะสิ้นสุด พฤติกรรมการดำรงชีวิตหลังจากนี้ของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไป และน่าจะส่งผลกับอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ไม่น้อย เมื่อประกอบกับกลุ่มลูกค้าหลักอย่าง Baby Boomer ลดจำนวนลง ก็แทบไม่เห็นทางออกของ Harley-Davidson
อย่างไรก็ตาม Harley-Davidson มีการปรับตัวไม่มากก็น้อยในการทำตลาด เช่นการผลิตจักรยานยนต์รุ่นที่ปราดเปรียวยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาจักรยานยนต์ไฟฟ้ารับกระแสรักสิ่งแวดล้อม แต่แค่นั่นอาจไม่เพียงพอในการยืนระยะของแบรนด์นี้ให้ยั่งยืนอย่างที่ควรเป็นจะเป็น
สรุป
น่าเสียดายที่ Harley-Davidson แบรนด์จักรยานยนต์เก่าแก่จะไม่สามารถยืนระยะต่อไปได้ แต่ก็ต้องลุ้นกันว่าการปรับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงจะช่วยได้มากแค่ไหน เพราะหากยังยึดมั่นทำจักรยานยนต์ในรูปแบบเดิม โอกาสที่จะยืนในตลาดนี้ก็แทบจะไม่มี
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา