GWM เดินหน้าขยายตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมียมในไทย เปิดตัว ‘NEW GWM TANK 500 DIESEL’ อย่างเป็นทางการ ยกระดับตลาด PPV (Pickup Passenger Vehicle) ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุด เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัจฉริยะ ระบบความปลอดภัยระดับ L2+ และดีไซน์หรูหรารอบคัน เหมาะทั้งสำหรับคนในเมือง ธุรกิจครอบครัว ไปจนถึงการลุยออฟโรด
ชูจุดขาย ‘ดีเซลล้วน’ ตอบตลาดไทยโดยเฉพาะ
หลังจากประสบความสำเร็จกับรุ่นไฮบริด GWM ได้ต่อยอดความนิยมด้วยการพัฒนา TANK 500 DIESEL รุ่น 2WD และ 4WD สำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ โดยเน้นความคุ้มค่า สมรรถนะ และความสะดวกสบายในการใช้งานจริง
หนึ่งในไฮไลต์คือ การปรับช่วงล่างและเบาะแถว 2 ให้เหมาะสมกับสภาพถนน และสรีรศาสตร์ของผู้บริโภคไทย รวมถึงการย้ายยางอะไหล่ไปใต้ท้องรถ เพื่อความสะดวกในการใช้งานในที่แคบ เช่น ห้างหรือคอนโด
สมรรถนะขับเคลื่อนสูง เทคโนโลยีอัดแน่น
GWM TANK 500 DIESEL ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เทอร์โบแปรผัน VGT ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า และแรงบิด 480 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9AT) พร้อมรองรับระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง
ในรุ่น 4WD เสริมฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น:
- Tank Turn หมุนกลับรถในพื้นที่แคบ
- Off-road Cruise Control ควบคุมความเร็วบนทางวิบาก
- ล็อกเฟืองหน้า-หลัง เพื่อเสริมแรงขับเคลื่อนบนทางทุรกันดาร
ดีไซน์ระดับพรีเมียม ทั้งภายนอก-ภายใน
ตัวรถมาในมิติมาตรฐาน PPV ระดับโลก ความยาว 4,886 มม. สูง 1,905 มม. ฐานล้อยาว 2,850 มม. สื่อถึงความทรงพลังแต่หรูหรา พร้อมอุปกรณ์ภายนอกจัดเต็ม เช่น ไฟหน้า LED อัจฉริยะ ล้ออัลลอย 18-20 นิ้ว และสีพิเศษรุ่น Black Warrior
ภายในห้องโดยสารออกแบบในแนวทาง ‘ห้องโดยสารอัจฉริยะ’ เน้นความโอ่โถง และเทคโนโลยีครบครัน ดังนี้:
- หน้าจอคู่ขนาด 12.3–14.6 นิ้ว พร้อมระบบแสดงผลแยกหน้าจอ
- Wireless Charger 50W พร้อมพอร์ต Type A/C
- ระบบปรับอากาศพร้อมแผ่นกรอง N95
- เบาะ VIP พร้อมระบบนวด, Welcome Seat, และวัสดุหนัง Nappa ในรุ่น ULTRA
ระบบอัจฉริยะและความปลอดภัย L2+
TANK 500 DIESEL มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ เช่น:
- Full-Speed ACC ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ 0–150 กม./ชม.
- LKA ระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน
- FCW ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบช่วยเปลี่ยนเลน (เฉพาะรุ่น ULTRA)
พร้อมระบบช่วยเหลือขณะขับขี่-จอดรถอีกหลายรายการ:
- กล้อง 540° รอบคัน
- RCTA/RCTB ระบบเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลัง
- TPMS ตรวจสอบลมยางแบบเรียลไทม์
- ฟังก์ชันควบคุมรถจากระยะไกลผ่านแอป
- ระบบสั่งการด้วยเสียง รองรับคำสั่งภาษาไทยและอังกฤษ
นอกจากนี้ยังมากับโครงสร้างแชสซีแบบ Body-on-Frame และเหล็กกล้าแรงดึงสูงระดับ Ultra-High Strength ที่ทนแรงกดได้สูงกว่ามาตรฐานถึง 4 เท่า พร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
วางกลยุทธ์เจาะตลาด PPV แบบรอบด้าน
GWM ตั้งเป้าให้ TANK 500 DIESEL เป็นมาตรฐานใหม่ของรถ PPV ระดับโลก ผ่าน 3 รุ่นย่อย ได้แก่
- 2.4T PRO (ราคา 1,449,000 บาท)
- 2.4T ULTRA (ราคา 1,599,000 บาท)
- 2.4T ULTRA 4WD (ราคา 1,699,000 บาท)
ทั้งยังพัฒนารุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อโดยเฉพาะเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานในเมือง หวังเพิ่มยอดจองในกลุ่มครอบครัวและผู้ใช้เพื่อธุรกิจ ขณะที่รุ่น ULTRA 4WD มุ่งเจาะตลาดสายลุยที่ต้องการสมรรถนะสูงสุดแบบครบเครื่อง
การเปิดตัว GWM TANK 500 DIESEL ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ GWM ในการรุกตลาดไทยด้วยสินค้าเรือธงในกลุ่ม PPV ด้วยกลยุทธ์ฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ในราคาที่แข่งขันได้ และการปรับปรุงตามพฤติกรรมคนไทยโดยเฉพาะ
ซึ่งสะท้อนถึงความจริงจังของ GWM ที่ไม่เพียงต้องการแชร์ส่วนแบ่งตลาด แต่ยังมุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ให้ตลาด PPV เมืองไทยเดินหน้าสู่อนาคตอย่างมีศักยภาพ
สำหรับในครึ่งปีแรก 2568 GWM ขายรถยนต์ไปทั้งหมด 7,100 คัน เพิ่มขึ้น 77% อยากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยตั้งเป้าให้ทั้งปี 2568 สามารถทำยอดขายที่ 14,000-15,000 คัน
ที่มา: งานแถลงเปิดตัว NEW GWM TANK 500 DIESEL
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา