สองยักษ์ใหญ่จับมือกัน: GULF และ SCG ตั้งบริษัท เอสจี โซล่าร์ เดินหน้าทำธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์

สองยักษ์ใหญ่อย่าง GULF และ SCG จับมือร่วมกันก่อตั้งบริษัททำธุรกิจด้านพลังงาน

GULF-SCG

โดยบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ส่งบริษัท GULF 1 ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และ GULF ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานแสงอาทิตย์ในไทย และพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา เซ็นสัญญาร่วมกับบริษัท เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด (SCG Cleanergy) ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน ถือหุ้นโดยบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) ในสัดส่วน 100% จัดตั้งบริษัท เอสจี โซล่าร์ จำกัด (SG Solar) ในไทย

โดยบริษัทร่วมทุนที่ GULF1 และ SCG Cleanergy ถือหุ้นในสัดส่วน 50% ตามลำดับ โดยทุนจดทะบียน 5 ล้านบาท จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SCC และเป็นลูกค้าของโรงไฟฟ้า SPP ของกลุ่มบริษัทกัลฟ์ โดย SG Solar มีแผนจะขยายฐานลูกค้าออกไปในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมและกลุ่มพาณิชยกรรมที่อยู่ในเครือข่ายของทั้งสองกลุ่มบริษัท

ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ระบุ ความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้เป็นการผนึกความเแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัทที่ GULF มีความชำนาญเรื่องธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน มีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศและเครือข่ายทางธุรกิจที่กว้างขวาง ขณะที่ SCC บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ มีธุรกิจหลักคือธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมีคอลส์และธุรกิจแพคเกจจิ้ง ความร่วมมือนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจให้สองกลุ่มบริษัท

GULF1 Solar

ผลประกอบการ GULF รายได้เพิ่มขึ้น 125% เทียบจากช่วงเดียวกัน ปีก่อนหน้า

สำหรับผลประกอบการของ GULF ในไตรมาส 1/2565 นี้ มีรายได้รวม 22,453 ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้น 125% จากไตรมาส 1/2564 ซึ่งมาทั้งจากปัจจัยการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า ราคาขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติ ปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำแก่ กฟผ. รวมทั้งกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น

ในส่วนของกำไรขั้นต้นจากการขายในไตรมาสแรกนั้นอยู่ที่ 4,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% เทียบกับไตรมาสเดียวกัน ปีก่อนหน้า กำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 3,257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 867 ล้านบาทหรือ 36% จากไตรมาส 1/2564 สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลกำไรจากโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2564 คือโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 และ 2 ที่เปิดดำเนินการในเดือนมีนาคมและตุลาคม 2564 รวมทั้ง core profit เพิ่มขึ้นจากการรับรู้ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 และจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH จำนวน 1,100 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 1/2565 เท่ากับ 3,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108% จาก 1,632 ล้านบาทในไตรมาส 1/2564

SCG

ผลประกอบการ SCG เพิ่มขึ้น 25% เทียบจากช่วงเดียวกัน ปีก่อนหน้า

สำหรับไตรมาสแรกของปี 2565 SCG มีรายได้จากการขาย 152,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 8,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมของธุรกิจอื่น (ธุรกิจเครื่องจักรกลทางเกษตร)

เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน SCG มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 25% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ สาเหตุหลักจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาด EBITDA ลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของีก่อน และกำไรสำหรับงวดลดลง 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุเพราะต้นทุนวัตถุดิบของธุรกิจเคมีคอลส์ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565

ไตรมาส 1 ปี 2565 เอสซีจีมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 3,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,171 ล้านบาทหรือ 52% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมธุรกิจเคมีคอลส์คิดเป็น 46% ของทั้งหมดหรือ 1,557 ล้านบาท ลดลง 158 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน มีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจอื่นคิดเป็น 54% ของทั้งหมดหรือ 1,862 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,329 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน

ที่มา – SET, GULF (1), (2), SCG (1), (2), (3)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา