Green Cinema ดูหนังแบบรักษ์โลก กับเมเจอร์​​ ซีนีเพล็กซ์​ ความบันเทิงเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

การดูหนังในโรงภาพยนตร์คือความบันเทิงที่หลายคนชอบ ด้วยคุณภาพแบบเต็มอิ่มของภาพและเสียงที่ปราศจากสิ่งรบกวนรอบข้าง ทำให้ช่วงเวลา 2-3 ชั่วโมงในโรงภาพยนตร์ หรือที่เรียกกันติดปากง่ายๆ ว่า โรงหนัง คือเวลาแห่งความบันเทิงอย่างแท้จริง

green cinema

และจะดียิ่งกว่า ถ้าวันนี้เราสามารถรับความบันเทิงในโรงหนังไปพร้อมกับสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมกับแนวคิด Green Cinema จากเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ นั่นทำให้หลายคนรู้ว่าการดูหนังก็รักษ์โลกได้เหมือนกัน และยิ่งเป็นความเคลื่อนไหวแบบจริงจังจากผู้นำอย่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ยิ่งสร้าง Impact ให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยอย่างชัดเจน

ลองมาดูกันว่าแนวคิด Green Cinema ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ มีความพิเศษอย่างไร และเราในฐานะคนดูหนัง รวมถึงองค์กรหรือแบรนด์อื่นๆ สามารถจับมือร่วมกันได้อย่างไร เพื่อสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง

major cineplex

จับมือ PRONTO รวมพลังแฟชั่นกับโรงหนัง รักษ์สิ่งแวดล้อม

แนวคิด Green Cinema เน้นเรื่องของสิ่งแวดล้อมใน 2 ส่วนหลัก โดยส่วนแรกคือการ Recycle, Upcycling เพื่อลดปริมาณขยะ หนึ่งในนั้นคือ การร่วมกับแบรนด์ PRONTO ผลิตกระเป๋าจากจอหนังที่ไม่ใช้แล้ว นี่คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับตอบรับและนิยมอย่างรวดเร็วกับคนรุ่นใหม่ และเพิ่มความแฟชั่นด้วยประโยคเด็ดๆ ว่า I am Reborn from Major Cineplex Screen เรียกได้ว่า กระเป๋าใบนี้ไม่ได้มาง่ายๆ แน่นอน

การใส่ความเป็นแฟชั่นให้กับผลิตภัณฑ์ ย่ิงทำให้กระเป๋าจากจอหนังที่ไม่ใช้แล้ว แทนที่จะกลายเป็นขยะ กลับกลายเป็นของที่มีมูลค่าและมีคุณค่ามากขึ้น เป็นไปตามคอนเซ็ปส์ Green Cinema ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์

เพิ่มพลังให้สิ่งแวดล้อมด้วยการ Recycle, Upcycling

ในเรื่องสิ่งแวดล้อม เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ยังผลิตเสื้อโปโลยูนิฟอร์มของพนักงานที่ใช้เส้นใยจากขวดพลาสติกรีไซเคิล โดยเสื้อ 1 ตัวใช้ขวดพลาสติก 12 ขวด ปัจจุบันผลิตมาแล้ว 5,000 ตัว เท่ากับขวดพลาสติก 60,000 ขวด!

รวมถึงโต๊ะเฟอร์นิเจอร์หน้าล็อบบี้ของโรงหนัง ที่หลายคนใช้นั่งรอเพื่อนๆ ก่อนเข้าชมภาพยนตร์ก็ผลิตจากแก้วน้ำพลาสติกของเมเจอร์เอง การใช้ถุงกระดาษแทนถุงพลาสติก หลอดดูดน้ำที่สามารถย่อยสลายตามธรรมขาติได้ง่ายและรวดเร็ว หรือกล่องกระดาษป๊อปคอร์นที่ผลิตจากโรงงานที่ได้การรับรองฉลากสีเขียว และการใช้ถังแยกขยะ เพื่อให้นำขยะไปรีไซเคิลได้ง่าย

ปิดท้ายด้วยตั๋วหนังแบบ E-Ticket เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ชม เปิดจากมือถือก็เข้าโรงหนังได้ทันที ทดแทนการใช้ตั๋วหนังแบบกระดาษ นี่คือการทำเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ

major cineplex

ลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยมลพิษ

แนวคิด Green Cinema ที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมส่วนที่ 2 คือ เรื่องการลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษ​ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ได้ร่วมกับ บริษัท กันตนา โพสต์ โปรดักชั่น จำกัด เปลี่ยนการส่งภาพยนตร์ที่ฉายในระบบดิจิทัล (Digital Cinema Package) หรือ DCP มาใช้ระบบส่งไฟล์หนังออนไลน์เพื่อฉายผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์, ลดการใช้พลังงานจากขนส่งโลจิสติกส์, ลดการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม, ลดระยะเวลาในการส่ง Content ช่วยให้ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า และลดขั้นตอนในการทำงานของบุคลากร

major cineplex

ในมุมของผู้บริโภค ปัจจุบันมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV กันมากขึ้น เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ก็พร้อมสนับสนุน โดยจับมือกับบริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ GINKA Charge Point ที่โรงภาพยนตร์ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รองรับการชาร์จกับรถยนต์ไฟฟ้า ดูหนังแล้วยังชาร์จพลังงานให้กับรถยนต์ไฟฟ้า

นอกจากนี้ รู้หรือไม่ว่า การใช้เครื่องฉายภาพยนตร์ Laser Projector แทนเครื่องฉายดิจิตอล สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ และยังได้ภาพที่คมชัด สีสันสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมีการเปลี่ยนเครื่องฉายเลเซอร์กว่า 230 เครื่อง ช่วยประหยัดไฟฟ้า 2.8 ล้านกิโลวัตต์ต่อปี ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1.6 ล้านกิโลกรัม และลดขยะหลอดฉายแบบซีนอน 920 หลอดต่อปี

major cineplex

ปิดท้ายด้วย การติดตั้ง Solar Rooftop บนโรงภาพยนตร์สาขา Stand alone เช่น สาขารังสิต, รัชโยธิน, สุขุมวิท-เอกมัย และเอสพลานาด งามวงศ์วาน-แคราย เพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ การใช้เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะเพื่ออุณหภูมิที่เหมาะสม และการเพิ่มพื้นที่สีเขียว M Skywalk ให้ทุกคนมาออกกำลังกายได้ฟรี ที่ชั้นดาดฟ้าตึกอเวนิว เมเจอร์ สาขารัชโยธิน

major cineplex

major cineplex

สร้างสรรค์โครงการดีให้สังคม และภายในองค์กร

ขึ้นชื่อว่า Green Cinema ไม่ได้จำกัดเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น เพราะนี่คือหนึ่งในโครงการด้าน ESG ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จึงรวมโครงการสร้างสรรค์ดีๆ เพื่อสังคมเข้ามาด้วย ซึ่งก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 แล้วสำหรับมูลนิธิเมเจอร์ แคร์ กับ 3 กิจกรรมหลัก

  1. กิจกรรมเปิดโลกกว้างสร้างรอยยิ้ม พาน้องๆ ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ และผู้สูงอายุ มาชมภาพยนตร์ฟรี ปัจจุบันมีน้องๆ และผู้สูงอายุมาร่วมชมภาพยนตร์แล้วกว่า 360,000 คน
  2. กิจกรรมห้องหนังเพื่อการเรียนรู้ ส่งมอบหนังห้องให้กับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล เปิดโลกทัศน์สร้างแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์การ์ตูนและสารคดีความรู้ จำนวน 65 โรงเรียนใน 63 จังหวัด และตั้งเป้าส่งมอบห้องหนังให้ครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ
  3. กิจกรรมมาเติมรอยยิ้มให้เต็มหัวใจ มอบทุนการศึกษาให้น้องๆ ด้อยโอกาส น้องที่มีความพิการและบกพร่องทางร่างกายและสติปัญญา ปีละ 20 ทุน ทุนละ 10,000 บาท

ปิดท้ายเรื่องราว ESG ด้วยการพัฒนาภายในองค์กรของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่ให้ความสำคัญเรื่องของคน โดยเฉพาะด้านความเท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งที่ผ่านมามีการจ้างงานบางตำแหน่งสำหรับพนักงานที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสติปัญญา โดยเชื่อว่าโครงการสร้างสรรค์ดีๆ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สมาชิกในสังคมได้รับโอกาสและสิ่งที่ดีขึ้นได้

major cineplex

พร้อมกับปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร 9 Rules of Success ให้กับพนักงานทุกคนในการพัฒนาตนเอง เพื่อนำไปสู่การยกระดับองค์กรที่มีธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และต่อต้านการทุจริต อีกทั้งยังปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อการเติบโตอย่างมั่งคง แข็งแรงและยั่งยืน

major cineplex

สรุป: แนวคิด Green Cinema เพื่อทุกคน

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เชื่อว่าการทำธุรกิจเพื่อส่งความสุขและประสบการณ์ความบันเทิงอย่างการดูหนังในโรงภาพยนตร์ที่ดีมีคุณภาพคือสิ่งสำคัญ และสำคัญยิ่งขึ้น ถ้าการส่งความสุขนั้นสามารถสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ด้วย จึงเกิดเป็นแนวคิด Green Cinema ที่ทำเพื่อทุกคนอย่างแท้จริง

และโอกาสนี้เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ก็อยากชวนทุกคน รวมถึงองค์กรและแบรนด์อื่นๆ ที่ต้องการสร้างสรรค์สิ่งดีเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สามารถติดต่อเข้ามาเพื่อร่วมมือกันได้ เพราะการก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน จะแข็งแกร่งยิ่งกว่า และไปได้ไกลกว่าแน่นอน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา