สื่อจีน: เศรษฐกิจไทยแย่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงิน, สหรัฐฯ หดตัว -32.9% จีนขยายตัว 3.2%

CGTN สื่อรัฐบาลจีนรายงานถึงเศรษฐกิจหลายประเทศในโลกได้รับผลกระทบหนักหลังโควิด-19 ระบาด คาดว่าน่าจะฟื้นตัวได้ครึ่งปีหลังจากนี้ ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศด้วย ทั้งค้าปลีก ธุรกิจการบิน การท่องเที่ยว การค้าล้วนได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดประเทศทั้งหลาย

BEIJING, CHINA – OCTOBER 24: Chinese President Xi Jinping vote at the closing of the 19th Communist Party Congress at the Great Hall of the People on October 24, 2017 in Beijing, China. The 19th CPC National Congress is going to run 7 days and a new central committee of CPC will be produced. (Photo by Lintao Zhang/Getty Images)

ในเอเชีย CGTN เริ่มรายงานจากประเทศไทยก่อน โดยระบุว่า GDP ไทยหดตัวอยู่ที่ -12.2% ถือเป็นการหดตัวทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงิน 1997 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศและการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ในไตรมาส 2 นี้ ตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศแทบจะเป็น 0 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงหลังโควิด-19 ระบาดอย่างรวดเร็ว จนต้องใช้มาตรการควบคุม

สิงคโปร์ก็มีการพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศและการท่องเที่ยวเช่นกัน GDP หดตัวอยู่ที่ -13.2% YOY และหดตัวอยู่ที่ -42.9% เทียบไตรมาสต่อไตรมาส เศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวต่อเนื่องกัน นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิค (technical recession) นับว่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 (ที่มีวิกฤตการเงินเช่นกัน)

ขณะที่มาเลเซียนั้น เศรษฐกิจหดตัวไม่แพ้กัน อยู่ที่ -17.1% YOY และเป็นการหดตัวครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินช่วง 1998 (เหมือนไทย) มาตรการและข้อจำกัดต่างๆ เพื่อป้องกันโรคระบาด ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นการผลิตหรือการบริโภคถูกจำกัดลง ผลก็คือทำให้เกิดภาวะช็อกต่อความต้องการซัพพลายรวมถึงการลงทุนทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนด้วย

ด้านอินโดนีเซียนั้น ถือว่าเศรษฐกิจหดตัวเบาสุดถ้าเทียบกับหลายประเทศที่ระบุไว้ข้างต้น อยู่ที่ -5.32% YOY ในไตรมาสสอง หดตัวแย่ที่สุดนับตั้งแต่ 1999 (หลังเกิดวิกฤตการเงินได้ 2 ปี)

Donald Trump โดนัลด์ ทรัมป์
ภาพจาก Flickr – The White House

ไม่ใช่แค่ในเอเชียที่มีเศรษฐกิจเสียหายอย่างหนักกันถ้วนหน้า แต่ยังมีมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาด้วย ซึ่งถ้าเทียบระหว่างเศรษฐกิจยุโรปและอเมริกานั้น CGTN ระบุว่า แย่พอๆ กัน

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไตรมาสสองจีดีพี -32.9% สูงกว่าไตรมาสแรกที่หดตัวเกือบ -4.8% นับเป็นภาวะเศรษฐกิจที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1947 (ช่วงสงครามเย็น โลกแบ่งเป็นสองฝ่ายระหว่างมหาอำนาจฝ่ายเสรีนิยม: สหรัฐอเมริกา และฝ่ายสังคมนิยม: สหภาพโซเวียต/ รัสเซียและอดีตพันธมิตรเก่า)

ขณะที่เศรษฐกิจของฝั่งประเทศยุโรป ไตรมาส 2 ของปีนี้ เศรษฐกิจหดตัวอยู่ที่ -11.9% ไตรมาสก่อนหน้าหดตัวอยู่ที่ -14.4% ถือเป็นการหดตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1995 ทั้งนี้ เศรษฐกิจอังกฤษหดตัวสูงถึง -20.4% ถือว่าหดตัวครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ปี 1955 ขณะที่ไตรมาสแรกนั้นหดตัวอยู่ที่ -2.2% เท่านั้น เศรษฐกิจของอังกฤษก็เข้าสู่ภาวะถดถอยเช่นกัน ด้านอิสราเอล เศรษฐกิจหดตัวอยู่ที่ -28.7% หดตัวครั้งใหญ่สุดในรอบกว่า 40 ปี

dept

เศรษฐกิจนานาประเทศจะฟื้นตัวกลับมาได้ต้องอาศัยมาตรการและความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของรัฐด้วย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 นี้ คาดว่าเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น ในส่วนของรัฐบาลเยอรมนีกำลังพิจารณาขยายการสนับสนุนให้มีการจ้างงานระยะสั้นเพิ่มขึ้นอีก 24 เดือนและอาจต้องใช้งบราว 1 หมื่นล้านยูโร หรือประมาณ 3.71 แสนล้านบาท

ขณะเดียวกันสิงคโปร์ก็ประกาศมาตรการให้ความช่วยเหลือเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 เช่นกัน อยู่ที่ 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.86 แสนล้านบาท ด้านอิสราเอลก็เตรียมงบสำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจอยู่ที่ 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7.88 หมื่นล้านบาท

ส่วนจีน เศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว จากไตรมาสแรกหดตัวอยู่ที่ -6.8% กลับมาเติบโตอยู่ที่ไตรมาสสองราว 3.2% นอกจากนี้ CGTN ยังอ้างถึงผลสำรวจจาก AFP ที่มีการคาดการณ์ว่าจีนจะเป็นประเทศเดียวที่มีเศรษฐกิจเติบโตในปีนี้ เศรษฐกิจจีนเริ่มกลับมาดีขึ้นช่วงกลางเดือนมีนาคม หลังจากที่มีการส่งออกสินค้าด้านการแพทย์อย่างมาก ตลอดจนการสนับสนุนใช้สินค้าที่ทำจากจีนก็ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้นด้วย Lu Ting นักเศรษฐศาสตร์จีนจาก Nomura กล่าว

ที่มา – CGTN

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา