ประชาชนต่างได้ยินข่าวสารว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลขายเกินราคาไปจนถึง หวยใต้ดิน จนปีที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หนึ่งในนั้นคือ สลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก (N3) ที่ให้ประชาชน เลือกเลยเสี่ยงโชคได้ด้วยตนเอง ลักษณะเหมือนกับหวยใต้ดิน ซึ่งจะออกมาเพื่อลดหวยใต้ดินนั่นเอง
หลังจาก ครม. มีมติเห็นชอบหลักการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก ไปตั้งแต่ 14 มี.ค. 2566 ล่าสุดเดือน ม.ค. นี้ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเผยว่า ในช่วงกลางปี 2567 จะเริ่มทดลองดำเนินการในลักษณะของ Sandbox เพื่อทดสอบช่องทางการจำหน่าย การกำหนดราคาขาย รวมถึงเงินรางวัลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อให้มากที่สุด (ข้อมูลจากไทยพีบีเอส ระบุว่าจะทดสอบ 1 ล้านหมายเลข)
รายละเอียดของสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก (N3) เบื้องต้นที่เปิดเผย ได้แก่
- สามารถระบุเลขที่ต้องการซื้อได้ตั้งแต่ 000-999
- มี 4 รางวัล คือ
1) รางวัล 3 ตัวตรง คือ ตัวเลขที่เลือกตรงกับผลการออกรางวัล 3 ตรงกันและหลักตรงกันทั้ง 3 หลัก
2) รางวัล 3 สลับหลัก (หรือที่หลายเรียกว่าโต๊ด) คือ ตัวเลขที่เลือกตรงกับผลการออกรางวัล 3 ตรงแต่หลักไม่ตรงกัน หรือตรงกันไม่ครบ 3 หลัก
3) รางวัล 2 ตรง คือ ตัวเลขที่เลือกตรงกับผลการออกรางวัล 2 ตรงและหลักตรงกันทั้ง 2 หลัก
4) รางวัลพิเศษ คือ ออกรางวัลเป็นหมายเลขรางวัลพิเศษ - การออกรางวัลอยู่ที่เดือนละ 2 ครั้ง ทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน
ทั้งนี้ เมื่อซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก (N3) 1 รายการจะมีสิทธิ์ลุ้นทุกรางวัลแต่ เงินรางวัลที่ได้จะไม่ได้กำหนดตายตัว จะจ่ายตามสัดส่วนของเงินรางวัลและจำนวนคนที่ถูกโดยจำแนกได้ (เงินรางวัลขึ้นอยู่กับว่ามีคนถูกรางวัลเลขเดียวกันเท่าไร) ดังนี้
- รางวัล 3 ตัวตรง สัดส่วนเงินรางวัล 30%
- รางวัล 3 สลับหลัก สัดส่วนเงินรางวัล 30%
- รางวัล 2 ตรง สัดส่วนเงินรางวัล 39%
- รางวัลพิเศษ สัดส่วนเงินรางวัล 1%
นอกจากนี้ยังระบุเงื่อนไขเบื้องต้นคือ
- เงินรางวัลจะจ่ายเป็นจำนวนเต็มไม่มีเศษ โดยเศษของเงินรางวัล ทุกรางวัลจ ะรวมกับรางวัลพิเศษเพื่อจ่ายให้กับผู้ถูกรางวัลพิเศษ
- เงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่ต้องชำระอากรแสตมป์ในอัตรา 1 บาท ของเงินรางวันทุก 200 บาท หรือเศษของ 200 บาท
- N3 นี้การสมทบเงินรางวัลที่ไม่มีผู้ถูกรางวัลไปยังงวดถัดไปได้ (แต่หากงวดถัดไปไม่มีผู้ถูกรางวัลจะต้องนำส่งเงินรางวัลที่สมทบเป็นรายได้แผ่นดิน)
ทั้งนี้ ในภาพรวมสัดส่วนเงินรางวัลของสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก (N3) จะคิดเป็น 60% ของทั้งหมด รองลงมาคือ 23% นำส่งรายได้แผ่นดิน และ 17% เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของกองสลากฯ
ช่วงที่ผ่านมา ข้อมูลสถิติพบว่า การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก ทั้งแบบใบ 80 ล้านฉบับ และแบบดิจิทัล 22 ล้านฉบับ รวม 102 ล้านฉบับ ทั้งนี้ สลากแบบดิจิทัล ที่ขายผ่านแอป “เป๋าตัง” สลากขายหมดก่อนวันออกรางวัลทุกงวด เนื่องจากผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อเลขที่ต้องการได้ในราคา 80 บาท อีกทั้งระบบตรวจผลรางวัลให้อัตโนมัติและโอนเงินรางวัลได้ภายใน 2 ชั่วโมง ทุกรางวัลรวมทั้งรางวัลที่ 1
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเพิ่มปริมาณสลากแบบดิจิทัล จะยังคงเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาด และไม่ให้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับผู้จำหน่ายสลากแบบใบ โดยในงวดวันที่ 16 ก.พ. 2567 จะเพิ่มสลากฯ แบบดิจิทัล เป็น 23 ล้านฉบับ และคาดว่าในปี 2567 จะทยอยเพิ่มเป็น 25-30 ล้านใบ เพื่อให้ตรงกับความต้องการซื้อของประชาชน
ที่มา กระทรวงการคลัง, กองประชาสัมพันธ์ สำนักสื่อสารองค์กร สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา