วันนี้ (13 ก.ย. 2566) บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC เข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ mai หมวดธุรกิจบริการ เป็นวันแรก โดยราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) อยู่ที่ราคา 7 บาท หลังเปิดราคาเพิ่มขึ้น 3.70 บาท สู่ระดับ 10.70 บาท ถือว่าเพิ่มขึ้น 52.86%
ทั้งนี้ทาง พิทักษ์ เลาห์เกริกเกียรติ ประธานกรรมการบริษัท และคณะผู้บริหารเปิดเผยว่า ด้วยอัตราผู้เข้ารับการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีแผนระดมทุน สู่การเดินหน้าขยายการลงทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพ และยกระดับการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น โดยธุรกิจของ GFC สามารถตอบโจทย์การรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก ทั้งกลุ่มลูกค้าผู้ที่วางแผนการมีบุตรในอนาคต, คู่สมรสทั้งไทยและชาวต่างชาติ ผ่านการบริการ ได้แก่
- การให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา
- การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI
- การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI
- การให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน NGS
- การให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่
ขณะเดียวกันมีแผนขยายการลงทุนสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 และคลินิกสาขาอุบลราชธานี เพื่อขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2567 นี้ () อีกทั้งยังมีแผนขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และสาขาย่อยอื่น ๆ ตามพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีศักยภาพและมีฐานลูกค้าผู้มีบุตรยาก
นอกจากนี้ ยังจะต่อยอดพื้นที่การให้บริการเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการเพิ่มศูนย์ฝึกอบรม นักเทคนิคการแพทย์ ให้สอดคล้องกับการขยายตัวของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าในอนาคต
ข้อมูลเพิ่มเติมจากทางบริษัทฯ ระบุว่า มีประสบการณ์ด้านการให้บริการทางการแพทย์ สำหรับผู้มีบุตรยากมากกว่า 23 ปี โดยมี Success Rate ในการรักษาการตั้งครรภ์ ที่ 72.29% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงาน GFC ที่มีอัตราการเติบโตของรายได้โตเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 13.37% โดยกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการในปี 2563 – ปี 2565 ได้แก่
- ปี 2563 ที่ 214.42 ล้านบาท กำไรสุทธิ 66.55 ล้านบาท
- ปี 2564 ที่ 242.12 ล้านบาท กำไรสุทธิ 69.63 ล้านบาท
- ปี 2565 ที่ 275.91 ล้านบาท กำไรสุทธิ 65.68 ล้านบาท
- ครึ่งแรกของปี 2566 ที่ 166.95 ล้านบาท กำไรสุทธิ 34.33 ล้านบาท
โดยสำหรับรายได้จากการให้บริการของกลุ่มบริษัทฯ มาจากการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI เป็นรายได้หลัก
อย่างไรก็ตามทางบริษัทฯ มองว่าการที่ราคาหุ้นสามารถยืนเหนือ IPO ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันธุรกิจสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน
ที่มา – GFC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา