คุณคิดว่าตอนนี้ คนรุ่นไหนน่าจับตามองที่สุดในตลาดผู้บริโภค?
ปัจจุบัน Gen Y หรือคนที่มีอายุ 25-40 ปี คือแรงขับเคลื่อนคนสำคัญของเศรษฐกิจ โดยพวกเขาครองสัดส่วนวัยแรงงานทั่วโลกประมาณ 75%
ยิ่งไปกว่านั้น หากเจาะมาที่กลุ่ม ‘Gen Y-Wealth’ หรือ ‘Gen-Y ล่ำซำ’ จะพบว่า แม้พวกเขาเป็นเพียง 1% ของ Gen Y ทั้งหมด แต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า Gen Y ทั่วไปถึง 7 เท่า นับเป็น 30% ของรายจ่ายคนทั้งรุ่น
กลุ่ม Gen Y-Wealth ประกอบไปด้วย
- ผู้สืบทอดทรัพย์สินจากครอบครัว
- นักธุรกิจที่สร้างตัวจากเศรษฐกิจใหม่ เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และเทคโนโลยี
ที่สำคัญ Gen Y-Wealth กำลังจะรับประโยชน์จากปรากฏการณ์ส่งต่อทรัพย์สินระดับโลกที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ทำให้กลายเป็นรุ่นที่รวยอันดับต้นๆ ของประวัติศาสตร์
‘The 1 Insight’ เผยว่า ด้วยเหตุนี้ กลยุทธ์การสร้างยอดขายในปี 2025 คือการเจาะตลาด Gen Y-Wealth โดยมี 3 อินไซต์หลัก ได้แก่
1. เปย์ได้เพื่อ ‘ภาพลักษณ์’
Gen Y-Wealth ก็ไม่ต่างจาก Gen Y ทั่วๆ ไปในแง่ของการชอบสร้างภาพลักษณ์ เนื่องจากโตมากับโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีการเปรียบเทียบเป็นเรื่องปกติ
สิ่งที่พิเศษสำหรับ Gen Y-Wealth คือ พวกเขามีเงินมากพอที่จะตอบสนองการสร้างภาพลักษณ์ได้ โดยสัดส่วนค่าใช้จ่าย 50% ของคนกลุ่มนี้คือ สินค้าแฟชันลักชูรี (มากกว่ากลุ่มอื่น 15 เท่า) และ สินค้าบิวตี้ (มากกว่ากลุ่มอื่น 4 เท่า)
สำหรับหมวดแฟชันลักชูรี สินค้ายอดฮิต 3 อันดับแรกของ Gen Y-Wealth คือ
- นาฬิกาหรู
- เครื่องประดับ
- แฟชันแบรนด์เนม
Gen Y-Wealth ส่วนใหญ่นิยมช็อปปิ้งที่ห้างหรูๆ เพราะเป็นศูนย์รวมแบรนด์ลักชูรีระดับโลก และพวกเขาก็ชอบสินค้าประเภท ‘Quiet Luxury’ ด้วย
นอกจากนี้ ราวๆ 40% ของ Gen Y-Wealth เป็นพ่อคนแม่คนแล้ว มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะมีค่าใช้จ่ายด้านแฟชันเด็กมากกว่ารุ่นอื่นถึง 2 เท่า
ในส่วนของสินค้าบิวตี้ Gen Y-Wealth มองว่า การลงทุนในความงาม ถือเป็นการสร้าง Personal Branding ที่แข็งแกร่ง ซึ่งสินค้ายอดฮิต 3 อันดับแรกคือ
- แป้งอัดแข็งผสมชิมเมอร์
- ทรีตเมนต์ลดริ้วรอยสูตรเข้มข้น
- 3 น้ำหอมลักชูรี
2. พร้อมทุ่มแลกประสบการณ์แบบพรีเมียม
Gen Y-Wealth ให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่า Gen Y ทั่วไปอย่างชัดเจน
พวกเขาเสียเงินให้กับการท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่ากลุ่มอื่นถึง 4 เท่า และมักเลือกใช้บริการหรู เช่น โรงแรมระดับโลก หรือเข้าร่วมกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟ เนื่องจากเชื่อว่า มันคือการสร้างประสบการณ์ที่มีค่าและน่าจดจำ มากกว่าการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าอย่างเดียว
นอกจากนี้ Gen Y-Wealth ยังชอบระบบสมาชิกของ ‘Privilege Club’ ต่างๆ ด้วย ซึ่งถ้าดูจากข้อมูลของ ‘The 1 Exclusive’ กลุ่ม Gen Y-Wealth มีจำนวนมากเป็นอันดับที่ 2 รองจาก Gen X และมีสัดส่วนสมาชิกในโปรแกรมพิเศษของกลุ่ม Top Customers ไม่น้อยเลย
ดังนั้น ถ้าแบรนด์ไหนอยากจะดึงดูดลูกค้ากลุ่ม Gen Y-Wealth ก็ต้องอย่าลืมมอบประสบการณ์พิเศษที่ตอบสนองความหรูหราและความแตกต่าง เพื่อสร้างความประทับใจที่มากกว่า Gen Y ทั่วไป
3. ใช้จ่ายฉ่ำทั้งออนไลน์ออฟไลน์
สำหรับ Gen Y-Wealth แล้ว แบรนด์ต่างๆ ควรมอบประสบการณ์ ‘Phygital’ ที่เชื่อมโลกแห่งความเป็นจริงและโลกดิจิทัลเข้าหากันอย่างไร้รอยต่อ เนื่องจากพวกเขา เติบโตมากับยุคดิจิทัลและคุ้นเคยกับโลกทั้งสองแบบเป็นอย่างดี
The 1 Insight พบว่า Gen Y-Wealth ใช้จ่ายผ่าน E-Commerce และ Personal Shopper มากกว่าคนอื่นราวๆ 4 เท่า รวมถึงนิยมใช้แอปพลิเคชันเดลิเวอรีด้วย เนื่องจากพวกเขาต้องการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วทันใจ
สำหรับการช็อปปิ้งหน้าร้าน Gen Y-Wealth ก็ยังให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย ผ่านการซื้อของช่วงวันธรรมดามากกว่าคนอื่นๆ ประมาณ 2 เท่า
สุดท้าย หากแบรนด์ไหนอยากเจาะตลาด Gen Y-Wealth ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจปัจจุบัน ก็อย่าลืมผสานอินไซต์ทั้ง 3 ข้อไปในแคมเปญสินค้าด้วยนะ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา