Co-Living Space ที่พักร่วมแบบใหม่ เข้าออกง่าย ไม่ต้องเช่ายาว หมดปัญหาเบื่อบ้านช่วง WFH

เรารู้จัก Co-Working Space พื้นที่ทำงานส่วนรวมที่ให้คนเข้ามาเช่าใช้พื้นที่กันอยู่แล้ว แต่ล่าสุดเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาคือ Co-Living Space เป็นการเช่าที่พักอาศัยร่วมกันแต่ยังคงคอนเซ็ปต์คล่องตัวและยืดหยุ่น จะเช่าจะเข้าจะออก ก็สะดวกกว่าการเช่าที่พักอาศัยแบบเดิมๆ

Co-Living Space คือการเช่าที่พักร่วมกันกับผู้อื่น แต่มีความสะดวกสบายและความคล่องตัวมากกว่าการเช่าที่พักแบบเดิมๆ บริษัทผู้ให้บริการมีบริการอำนวยความสะดวก เช่น การทำความสะอาด หรือ การบำรุงรักษา แถมยังมีความยืดหยุ่นเพราะมีระยะเวลาเช่าขั้นต่ำอยู่ระหว่าง 2 สัปดาห์ – 3 เดือน เท่านั้น

แน่นอนว่านี่คือจุดที่ Co-Living Space ต่างจากการเช่าที่พักอาศัยแบบเดิมๆ เพราะถ้าเปรียบเทียบกับการเช่าโรงแรมและโฮสเทลระยะยาวแล้ว Co-Living Space ให้บริการอำนวยความสะดวกเหมือนกันแต่มีตัวที่พักให้เลือกมากกว่า และถ้าเปรียบเทียบกับการเช่าที่พักอาศัยทั่วไป Co-Living Space ก็มอบความยืดหยุ่นให้ได้มากกว่าไม่ต้องทำสัญญาระยะยาวเป็นปีๆ

Co-Living Space บูมในยุคโควิด

image from cove.sg

พูดง่ายๆ ก็คือ Co-Living Space คือ การให้บริการเช่าทีพักอาศัยแบบใหม่ที่เหมาะสมกับยุคสมัยมากขึ้น คือ ทั้งสะดวกสบายและยืดหยุ่น จึงไม่แปลกใจว่าทำไมในยุค Work From Home ที่ทุกคนกำลังทนทุกข์อยู่กับการทำงานจากบ้าน Co-Living Space ถึงเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Sophie Jokelson หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Cove ผู้ให้บริการ Co-Living Space ในสิงคโปร์ เล่าว่า ก่อนโควิด-19 ระบาด รายได้ส่วนใหญ่มาจากชาวต่างชาติ รายได้จากคนในพื้นที่มีสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้น แต่ในปี 2021 รายได้ของคนในพื้นที่กระโดดขึ้นมาเป็น 35% ของรายได้ทั้งหมด

Assembly Place ผู้ให้บริการ Co-Living Space อีกเจ้าระบุว่าความต้องการของคนในพื้นที่พื้นขึ้นถึง 30% เทียบกับช่วงก่อนการระบาด ส่วน Figment ก็มีสัดส่วนรายได้จากคนในพื้นที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว จาก 10% เป็น 20%

คำถามคือ ทำไม Co-Living Space ถึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในยุค Work From Home?

Co-Living Space ปลดปล่อยคนจากบรรยากาศเดิมๆ

ภาพจาก Shutterstock

จริงๆ แล้วคำตอบของเรื่องนี้ทั้งง่ายและซับซ้อนในเวลาเดียวกัน ส่วนที่ง่ายก็คือปัญหาของการทำงานที่บ้านก็คือ “เรื่องที่บ้าน” ส่วนเรื่องที่ซับซ้อนก็คือเรื่องที่บ้านของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป จริงอยู่ที่ว่าปัญหาที่บ้านอาจมีมาตั้งนานแล้วแต่นี่คือครั้งแรกที่เราต้องติดแหง็กอยู่ในบ้าน 24 ชั่วโมง 7 วัน/สัปดาห์

บางคนอยู่ในบ้านที่มีความจู้จี้จุกจิกก็อาจอยากออกมาเพื่อความลดความขัดแย้งหรือแสวงหาความเป็นส่วนตัว หรือบางคนอาจอยู่ในบ้านที่มีบรรยากาศไม่ส่งเสริมการทำงานเพียงพอจึงอาจออกมาหาสถานที่ WFH ที่เหมาะสมกว่าเก่า นอกจากนี้ บางคนก็อาจจะเบื่อหน่ายกับความซ้ำซากจึงต้องการออกมาเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน

Cherie Lim วัย 26 ปี Account Executive ของบริษัทด้านซอฟต์แวร์ในสิงคโปร์ระบุถึงสาเหตุที่เธอย้ายออกจากบ้านของพ่อแม่มาอยู่คนเดียวว่า “ฉันต้องการสถานที่ใหม่ๆ ที่มีแค่ฉันคนเดียวเพราะการระบาดทำให้ต้องติดอยู่ในบ้าน (กับพ่อแม่และน้องอีก 2 คน) ตลอดเวลา ฉันต้องการอิสระและต้องการเจออะไรใหม่ๆ”

image from cove.sg

ที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเทรนด์สำหรับคนในยุค Millenials อยู่แล้ว การระบาดของโควิดเพียงแค่เร่งให้เรื่องนี้ผุดขึ้นมาให้เห็นอย่างเด่นชัดเท่านั้น

Nicholas Mak นักวิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า การย้ายออกจากบ้านของพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย เพราะจริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้หลายๆ คนก็นิยมเช่าโฮสเทล หาทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ไปจนถึงใช้ไลฟ์สไตล์แบบอื่นๆ เพื่อแสวงหาชีวิตที่เป็นอิสระมากขึ้นกันอยู่แล้ว

“Work From Home จะทำให้การอาศัยใน Co-Living Space กลายเป็นทางเลือกที่ดึงดูดใจมากขึ้น” Mak ระบุ

ที่มา – CNA

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

บาส รชต สนิท - นักข่าว นักเขียน ที่ Brand Inside | สนใจด้าน Future of Work, สิทธิคนทำงาน, สิ่งแวดล้อม, การเมืองโลก, ปัญหาทุนนิยม และ สิทธิมนุษยชน