เชื่อว่าคนกรุงที่ใช้แอปเรียกรถบ่อยๆ น่าจะคุ้นกับชื่อ GET มากขึ้น เพราะหลังทดลองให้บริการเมื่อเดือนธ.ค. 2561 และเปิดตัวช่วงปลายก.พ. 2562 ตัวบริการก็เร่งทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นคือแผนที่ CEO หนุ่มคนนี้ต้องการ
เดินเกมด้วย 3 บริการหลักก่อนขยายเพิ่ม
GET คือผู้ให้บริการบริการร่วมเดินทาง หรือ Ride Hailing รายใหม่ในกรุงเทพ เพราะเพิ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 ก.พ. นี้เอง แต่อย่าเพิ่งเข้าใจว่า GET คือ Go-Jek บริษัท Startup ระดับ Unicorn จากอินโดนิเซียถอดรูปออกมาให้บริการในประเทศไทยด้วยชื่อใหม่ เพราะมันมีอะไรที่มากกว่านั้น
“GET คือบริษัทที่มี Thai Mindset แต่ใช้ World Class Technology กล่าวคือ GET เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่ทำงานด้วยคนท้องถิ่นทั้งหมด แต่ก็ได้รับความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมจาก Go-Jek เพื่อมาช่วยสร้างธุรกิจให้มันมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม” ภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GET กล่าว
สำหรับ GET ที่ให้บริการอยู่ตอนนี้ประกอบด้วย 3 บริการคือ GET Win บริการรับส่งผู้โดยสารด้วยมอเตอร์ไซค์วินที่ถูกต้องตามกฎหมาย, GET Food บริการรับสั่ง และส่งอาหารตามร้านต่างๆ ในกรุงเทพ สุดท้ายคือ GET Delivery บริการรับส่งพัสดุ ซึ่ง 2 บริการหลักนั้นมีมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคลช่วยรับส่งด้วย
โจทย์ 120 บาท/ชม. คือเรื่องที่ต้องพิสูจน์
“เป้าหมายที่ GET เข้ามาให้บริการรับส่งผู้โดยสารด้วยพี่วินถูกกฎหมายเพราะอยากยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้น ซึ่งเรื่องนี้รวมถึงการทำอย่างไรให้พี่วินมีรายได้มากกว่า 120 บาท/ชม. ที่ปกติพวกเขาทำได้ ซึ่งตอนนี้มันน่าจะพิสูจน์แล้วว่าคำตอบมันเป็นอย่างไร ผ่านคนขับในระบบเรากว่าหมื่นราย”
ส่วนตัวเลขฝั่งผู้ใช้งาน GET นั้นปัจจุบันอยู่ที่ 3.5 แสนดาวน์โหลด และแต่ละบริการก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ผ่านเป้าหมายธุรกิจคือการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับทุกฝ่ายที่ทำงานกับเรา หรือพี่วิน, ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ และร้านอาหารต่างๆ ให้เติบโตไปพร้อมกัน ไม่ได้เน้นเรื่องการแสวงหากำไรในช่วงแรก
“GET คุยกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับหน่วยงานภาครัฐมาตั้งแต่ก่อนเริ่มให้บริการ และรู้ว่าแต่ละฝ่ายมีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งผมเชื่อว่าการพูดคุยกันก่อนให้บริการคือสิ่งที่ถูกต้อง และขอย้ำชัดๆ ว่า GET ไม่ได้เข้ามา Kill Industry แต่คือการยกระดับเพื่อเติบโตไปด้วยกันมากกว่า”
จับแพะชนแกะมันไม่เทรนด์แล้ว และ GET จะไปไกลกว่านั้น
นอกจาก 3 บริการข้างต้นแล้ว GET ยังอยู่ระหว่างทดลองให้บริการ GET Pay หรือการบริการชำระเงินที่บริษัทคาดหวังให้ถูกผู้บริโภคใช้งานในทุก Touch Point หรือการเดินทาง, การซื้ออาหาร หรือบริการอื่นๆ ซึ่งเบื้องต้นบริษัทเปิดให้เติมเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อแก้ปัญหาอัตราผู้มีบัตรเครดิตค่อนข้างน้อยในไทย
“ตอนนี้ GET อยาก Focus 4 บริการนี้ก่อน เพื่อทำให้มันดีจริงๆ ซึ่งตอนนี้ GET มีพนักงานประจำราว 100 คน และเรายังบอกไม่ได้ว่าจากนี้จะมีอะไรให้เห็นอีก แต่ปัจจุบัน GET อยู่ระหว่างสร้างความเป็น Super App เหมือนกับที่ GO-Jek ทำได้ เพราะมันคือ DNA ของเรา”
อย่างไรก็ตาม “ภิญญา” มองว่า อนาคต Business Model แบบ Uber, Airbnb หรืออื่นๆ ที่มีลักษณ์จับแพะชนแกะจะเป็นสิ่งนอกกระแส เนื่องจากตอนนี้การสร้างธุรกิจขึ้นมาต้องเป็นได้มากกว่านั้น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกฝ่าย ผ่านการนำข้อมูลที่มีมาประมวลผล ซึ่ง GET ก็อยู่ระหว่างทำเรื่องนี้เช่นกัน
สรุป
GET เป็นอีกผู้เล่นในตลาดไทยที่น่ากลัว เพราะด้วยเงินทุนที่หนา จนเรียกได้ว่าไม่ได้มองผู้เล่นท้องถิ่นรายอื่น และเหลือคู่แข่งจริงๆ แค่สีเดียวเท่านั้น ทำให้ศึกบริการร่วมเดินทางนี้ก็น่าจะแข่งขันกันเดือดกว่าเดิมแน่ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า GET น่าจะมีอะไรๆ มากกว่านี้ ผ่านการถอดแบบ Go-Jek มาแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา