จริงหรือหลอก งานวิจัยบอก Gen Z เบื่อ Work From Home

รีอัลออฟาเก้? วิจัยเผย Gen Z เบื่อการ Work From Home จะตายแล้ว

work

ในปี 2023 ‘NinjaOne’ บริษัทจัดการระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง พบว่า 55% ของ Gen Z ที่กำลังจะเรียนจบอยากทำงานแบบ Work From Home หรือ Hybrid โดยสามารถแบ่งสัดส่วนเป็น 23% และ 32% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม 2 ปีผ่านไป ทุกอย่างเหมือนจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อ ‘Freeman’ บริษัทจัดการอีเวนต์แห่งหนึ่ง ร่วมกับ ‘The Harris Poll’ ได้สำรวจพนักงานออฟฟิศในสหรัฐฯ ถึง 1,824 คน แล้วได้คำตอบว่า 91% ของ Gen Z อเมริกัน อยากพบปะคนในบริษัทมากกว่านี้ เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตของหน้าที่การงาน

นอกจากนั้น 79% ของ Gen Z เชื่อว่า บริษัทมัวแต่โฟกัสเรื่องเอาเทคโนโลยีมาเชื่อมความสัมพันธ์ของบุคลากร แทนที่จะพยายามให้พนักงานได้พบกันในชีวิตจริง และ 69% มองว่า นวัตกรรมเหล่านี้ที่เอามาใช้ กลับยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกตัดขาดจากสังคมการทำงานมากกว่าเดิม

ความโดดเดี่ยวในที่ทำงานทำให้ Gen Z เริ่มเครียด ซึมเศร้า และหมดไฟ โดยน้อยกว่า 33% ของพนักงานรุ่นนี้กล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่า สุขภาพทั้งกายใจของตนเองยังดีอยู่

ที่สำคัญ หากลองเทียบพนักงานวัย 21-25 ปี เมื่อ 7 ปีที่แล้วกับปี 2025 จะพบว่าพวกเขา

  • รู้สึกประสบความสำเร็จน้อยลง 5%
  • มีความสุขน้อยลง 8%
  • มีส่วนร่วมน้อยลง 8%
  • เครียดมากขึ้น 11%
  • รู้สึกปัญหาถาโถมเข้ามาในชีวิตมากขึ้น 9%

สรุปแล้ว Gen Z ต้องการอะไรกันแน่?

Gen Z ไม่อยาก Work From Home ไม่ใช่เรื่องใหม่ 

อันดับแรก เราต้องลบภาพจำ Gen Z ที่คนชอบเหมารวมว่าขี้เกียจ เรื่องมาก ชอบอยู่บ้าน นอนตื่นสายไปก่อน เพราะสิ่งนั้นเป็นเรื่องปัจเจก ไม่สามารถยืนยันได้ 

แต่สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงคือ เด็ก Gen Z จำนวนไม่น้อยโตมากับการเรียนออนไลน์ ไม่ว่าจะในบริบทมัธยมหรือมหาวิทยาลัย 

พอโตเข้าสู่โลกการทำงาน Gen Z บางคน ก็คงอยากทำความรู้จักกับคนในออฟฟิศด้วยการปฏิสัมพันธ์ผ่านชีวิตจริง และอยากเรียนรู้การทำงานจากพี่ๆ ซึ่งอาจเป็นไปได้ยาก ถ้าคุยงานกันแค่ออนไลน์

ที่สำคัญ ในปี 2022 ‘WFH Research’ องค์กรการวิจัยด้านระบบการทำงาน เคยไปสำรวจนักศึกษาจาก 3 มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ แล้วพบว่า มีคนรุ่นใหม่ในช่วงวัย 20 ปี ไม่ถึง 25% ด้วยซ้ำที่อยาก Work From Home 5 วันต่อสัปดาห์ แถมเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนต่ำสุดเมื่อเทียบกับวัยอื่นๆ 

ด้าน LinkedIn เองก็ยังเจออีกว่า ผู้ใช้งานวัย 20-24 ปีนี่แหละคือกลุ่มที่มีแนวโน้มจะสมัครงานรูปแบบ Work From Home ต่ำที่สุด

หรือความยืดหยุ่นในที่ทำงานคือคำตอบ?

อ่านมามันก็ดูงงๆ นะ เพราะทำไมงานวิจัยในปี 2023 ถึงบอกว่าเกินครึ่งของ Gen Z อยากทำงานแบบ Hybrid หรือ Work From Home แต่ในปี 2022 มีแค่ไม่ถึง 25% ของพวกเขาที่อยากนั่งทำงานในบ้าน 5 วันต่อสัปดาห์?

จริงๆ แล้วคีย์เวิร์ดของแต่ละบทความมันคือ ‘กี่วันต่อสัปดาห์’ นี่ล่ะ 

ถ้าย้อนไปดูงานวิจัยปี 2023 ที่เขียนไปข้างต้น หากโฟกัสแค่การ Work From Home เท่านั้น จะมี Gen Z แค่ 23% ที่ต้องการทำงานรูปแบบนี้

แต่เมื่อเพิ่มตัวเลือกเป็น Hybrid หรือการสลับเข้าออฟฟิศบ้างเป็นบางวันด้วย สัดส่วนนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 32% 

ในปี 2023 ‘Deloitte’ หนึ่งในบริษัท Big 4 ได้สำรวจ Gen Z และ Gen Y กว่า 22,000 คนจาก 44 ประเทศทั่วโลก แล้วพบว่า คนกลุ่มนี้อยากทำงานแบบ Hybrid มากกว่าการบังคับ Work From Home หรือ เข้าออฟฟิศ 100%

ถ้าดูแค่คำตอบของ Gen Z โดยเฉพาะ จะเห็นว่า ถ้าตำแหน่งงานไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ พวกเขาส่วนใหญ่ ก็อยากทำงานแบบ Hybrid กันทั้งนั้น โดย

  • 27% อยากทำงานแบบ Hybrid โดยที่ตนเองมีสิทธิ์เลือกเต็มที่ว่าวันไหนจะทำงานที่ไหน
  • 21% อยากทำงานแบบ Hybrid โดยบริษัทเป็นคนกำหนดวันเข้าออฟฟิศให้
  • 18% บอกว่า ตำแหน่งงานของตนเองไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ แต่หัวหน้าก็ยังบังคับมา

จากงานวิจัยนี้ อาจสรุปได้ว่า หัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่พนักงานต้องเข้าออฟฟิศหรือทำงานที่บ้านหรอก แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ ‘อิสรภาพ’ และ ‘ความยืดหยุ่น’ ในการเลือกสถานที่ทำงานของตนเองเท่านั้น

กล่าวคือ ถ้าพนักงาน Gen Z อยาก Work From Home เพราะมองว่า สะดวกมากกว่า ก็เข้าใจได้ แต่ถ้าวันหนึ่ง พวกเขาอยากเข้าออฟฟิศมาทำความรู้จักกับพี่ๆ ในทีม มันก็ไม่ผิด

หรือพี่ต้องฟังก่อน อย่าเพิ่งเหมารวม Gen Z

work-life balance

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า Gen Z จะอยากเข้าออฟฟิศ Work From Home หรือทำงานแบบ Hybrid บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาในการเหมารวมคนรุ่นใดรุ่นหนึ่งเลยทั้งสิ้น

เพราะต่อให้นักสืบจิ๋วโคนันจะเคยพูดไว้อย่างนั้น แต่ “ความจริงไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว” สำหรับทุกเรื่องเสมอไป

ต้องเข้าใจก่อนว่า Gen Z มีกันอยู่เกิน 1 ใน 5 ของประชากรโลก และมันเป็นไปได้ยากมากที่ทุกคนจะมีพฤติกรรมเหมือนกันหมด 

ขนาด Pew Research องค์กรวิจัยชื่อดังระดับโลก ยังเลิกทำผลสำรวจที่ไปตีกรอบลักษณะนิสัยคนรุ่นใดรุ่นหนึ่งแล้วเลย เนื่องจากมองว่ามันไม่แฟร์ แถมยังไปชี้โพรงให้คนกลุ่มหนึ่งโดนเหมารวมอีก

หรือถ้าอยากจัดหมวดหมู่พฤติกรรมจริงๆ  ‘Julia Dhar’ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง Behavioral Science Lab ของ BCG หนึ่งในบริษัท Big 3 ของวงการคอนซัลท์ เคยวิเคราะห์ไว้ว่า Gen Z ที่ต้องทำงาน Work From Home ช่วงโควิดระบาด สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่

  1. เด็กที่โหยหาการเข้าสังคมมาก เพราะเบื่อการเรียนออนไลน์สมัยมหาวิทยาลัย
  2. เด็กที่ยอมลาออก ถ้าบริษัทไม่มีนโยบาย Hybrid Working หรือ Work From Home
  3. เด็กที่เนื้องานไม่สามารถ Work From Home ได้อยู่แล้ว เช่น บุคลากรทางการแพทย์ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือช่าง

สุดท้าย คำตอบแบบนี้ ต่อให้ไปถาม Gen X หรือ Baby Boomer ก็คงได้คำตอบครบทั้ง 3 แบบอยู่ดี และถ้าไปถาม Gen Z จากหลากหลายอุตสาหรรมหรือวัฒนธรรมองค์กรที่ต่างกัน คำตอบที่ได้คงไม่มีอะไร 100% เหมือนกันหมดด้วย

สรุปแล้ว สิ่งที่ Gen Z ต้องการไม่สามารถบอกออกมาได้เป็นคำตอบเดียว และเราก็ไม่สามารถไปเหมารวมกลุ่มคนไหนๆ ได้เลยเหมือนกัน

เพราะถ้าโลกธุรกิจไม่มีกลยุทธ์ที่เป็น ‘One size fits all’  แล้วทำไมเราถึงพยายามหาคำตอบเดียวให้กับอนาคตการทำงานของ Gen Z?

ที่มา: Quartz, NinjaOne, Business Insider, Deloitte, Forbes, McCrindle

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา