แม้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์หลายรายจะเดินหน้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่างขะมักเขม้น แต่กลุ่ม Geely เจ้าของ Volvo ก็เลือกเดินหน้าพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในไปพร้อมกัน เพราะมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบ Hybrid ยังมีตลาดอยู่
ขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งสองทาง
Geely ได้ตัดสินใจแยกธุรกิจใหม่ออกมา โดยธุรกิจนั้นจะมีหน้าที่พัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายใน และการพัฒนาระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid โดยเฉพาะ ซึ่งพาร์ทเนอร์ที่มีส่วนร่วมในธุรกิจใหม่นี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะคือ Volvo หนึ่งในแบรนด์ลูกของยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์จากจีนนั่นเอง
สำหรับตัวธุรกิจใหม่นี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ แต่มีการวางแผนเอาไว้แล้วว่าตัวเครื่องยนต์สันดาปภายใน และระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid จะถูกนำมาใช้กับแบรนด์รถยนต์ต่างๆ ของกลุ่ม Geely ไม่ว่าจะเป็น Geely Auto, Proton, LEVC, Lynk & Co รวมถึงแบรนด์รถยนต์ประสิทธิภาพสูงอย่าง Lotus
“รถยนต์ไฟฟ้าแบบ Hybrid จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็ต้องทำงานคู่กับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ดี ดังนั้นการแยกธุรกิจนี้ออกมาก็น่าจะตอบโจทย์ตลาดได้ดีขึ้น และฝั่งองค์กรเองก็สามารประหยัดต้นทุนในการผลิตเครื่องยนต์สันดาปภายในได้ดีกว่าเดิม” Håkan Samuelsson ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Volvo กล่าว
ทั้งนี้การแยกธุรกิจใหม่ออกมาทำให้ Volvo สามารถให้ความสำคัญกับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบบต่างๆ ในระดับพรีเมียมได้ดีขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ Volvo ตั้งเป้าว่าช่วงกลางทศวรรษที่ 2020 ยอดขายรถยนต์ของ Volvo จะมาจากรถยนต์ไฟฟ้าล้วน กับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Hybrid และ Plug-in Hybrid อย่างละครึ่ง
สรุป
ส่วนตัวเชื่อว่าเป้าหมายดังกล่าวน่าจะเดินไปได้ เพราะตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงตอนนี้ Volvo ยังไม่ได้เปิดตัวรถยนต์ที่ติดตั้งมาแค่เครื่องยนต์สันดาปภายในเลย ดังนั้นการแยกส่วนธุรกิจพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปออกไป น่าจะช่วยให้ Volvo ผงาดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนระดับพรีเมียมได้ไม่ไกลเกินฝัน
อ้างอิง // Top Gear
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา