Jeff Immelt ซีอีโอของ GE (General Electric) บริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของโลก เขียนจดหมายถึงผู้ถือหุ้น สรุปสภาพธุรกิจประจำปี 2016 โดยวิจารณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน และนโยบายด้านการค้าต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่ล้าสมัย
ระบบเศรษฐกิจโลกแบบเดิมกำลังถูกท้าทาย
Immelt บอกว่าแนวคิดพื้นฐานหลายๆ อย่างของระบบเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันกำลังถูกทดสอบและท้าทาย สถาบันขนาดใหญ่ที่อยู่คู่ระบบทุนนิยมมานานกำลังสูญเสียความเชื่อมั่น สหรัฐอเมริกาเดินสวนทางกับโลก และความเป็นผู้นำการค้าโลกเริ่มลดลง
เขาบอกว่าบริษัทหรือองค์กรทุกแห่งในโลก กำลังเผชิญปัจจัยการเปลี่ยนแปลงใหญ่ (macro theme) สองเรื่องคือ ภาวะโลกาภิวัฒน์ (Globalization) ที่เปลี่ยนแปลงไป และ การเข้ามาของดิจิทัล (Digitization) ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงและทำลายอุตสาหกรรมเดิม ไม่มีบริษัทไหนหนีสองเรื่องนี้พ้น
GE บอกว่าโลกาภิวัฒน์จะยังไม่ตาย แต่นี่เป็นจุดสิ้นสุดของกลุ่ม ‘Global Elite’ หรือคนชั้นสูงที่มองโลกแค่ทางการเงินหรือผ่านเว็บไซต์ สถาบันกำกับดูแลของโลกในปัจจุบันตั้งมานาน 70 กว่าปีแล้ว ต้องถูกปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัย และสอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
นโยบายการค้าของอเมริกาเก่าแก่โบราณ ไม่ทันโลก
Immelt มองว่าสหรัฐอเมริกาไม่สามารถแข่งขันในต่างโลกได้เหมือนจีนและเยอรมนี ในยุคที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐแทบไม่ได้ออกมาตรการใดๆ เพื่อช่วยอุตสาหกรรมในประเทศเลย ระบบภาษีเอื้อกับการนำเข้ามากกว่าส่งออกสินค้าไปขายยังต่างประเทศ โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐก็อ่อนแอ การกำกับดูแลของภาครัฐก็มีปัญหาจนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2008-2009 และปัจจุบัน สหรัฐยังเป็นประเทศขนาดใหญ่ในโลกประเทศเดียวที่ไม่มีธนาคารเพื่อการส่งออก
สหรัฐอเมริกายังยึดติดอยู่กับนโยบายค่ำครึ ในขณะที่ประเทศคู่แข่งเดินหน้าปรับตัวไปไกลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำข้อตกลงทางการค้า หรือการค้าแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) ซึ่ง Immelt หวังว่ารัฐบาล Trump จะรีบปรับตัวเพื่อช่วยให้บริษัทสัญชาติอเมริกันแข่งขันต่อไปได้
Immelt ยังวิพากษ์ตลาดแรงงานของสหรัฐว่าที่กลัวตกงาน ก็เป็นเพราะแรงงานเองไม่มีความสามารถในการแข่งขัน (lack of competitiveness) ไม่สามารถไปแข่งขันกับประเทศอื่นได้ การปรับแก้นโยบายภาษีเพียงอย่าเดียวไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ธุรกิจอเมริกันต้องลงทุนเพิ่มมากขึ้น จึงไม่มีนวัตกรรมใดๆ เกิดขึ้นสักเท่าไรนัก
GE ชิงปรับตัวก่อน เน้นทำตลาดโลก-เทคโนโลยีดิจิทัล
สิ่งที่จะเกิดขึ้นในยุคถัดจากนี้ไปคือรัฐบาลทั่วโลกหันมาเน้นการสร้างงานภายในประเทศ ส่งเสริมธุรกิจภายในประเทศ (protectionalism) แม้จะแตกต่างจากสิ่งที่ GE ต้องการคือข้อตกลงร่วมระหว่างประเทศและการค้าเสรี แต่ GE ก็มั่นใจว่าตัวเองจะอยู่รอดไปได้อย่างแข็งแกร่ง
Immelt บอกว่าในระหว่างที่สหรัฐกำลังหลงทาง ตัวบริษัท GE มีวิธีการปรับตัวเป็นบริษัทระดับโลกของตัวเอง ในอดีตช่วงปี 2000 รายได้ 70% ของบริษัทมาจากในสหรัฐ แต่ปัจจุบัน รายได้ 60% ของ GE มาจากตลาดโลกแล้ว การเข้าสู่โลกาภิวัฒน์ของ GE ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเอาต์ซอร์สไปต่างประเทศ เพื่อหวังแรงงานราคาถูก
เขาบอกว่าการเอาต์ซอร์สเพียงอย่างเดียวนั้นเก่าเกินไปแล้ว แนวทางของ GE คือเข้าไปทำตลาดในประเทศที่มีอัตราเติบโตสูง ด้วยระบบการเงินการลงทุนที่ฉับไว และการตั้งบริษัทร่วมกับธุรกิจท้องถิ่นเพื่อให้เข้าตลาดเหล่านี้ได้เร็ว ปัจจุบัน GE เข้าไปทำธุรกิจแล้วใน 180 ประเทศทั่วโลก บริษัทมีพนักงานหลากหลายเชื้อชาติ ซึ่งในสายตาของบริษัทแล้ว ทุกคนเท่าเทียมกัน
GE เข้าไปลงทุนในธุรกิจดิจิทัลที่เป็นอนาคต 2 เรื่องคือ Industrial Internet (ชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่สื่อสารกันได้ผ่านอินเทอร์เน็ต) และ Additive Manufacturing (การผลิตแบบเพิ่มชิ้นส่วน ใช้แนวทางเดียวกับเครื่อง 3D Printing ที่ฉีดชิ้นส่วนเพิ่มเข้าไปแทนการสกัดออก) เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับโลกในยุคหน้าไว้รอแล้ว
ที่มา – GE, Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา