สถานการณ์ของ Gap ยังคงย่ำแย่ เตรียมปิดสาขาที่เคยเป็นแฟล็กชิพสโตร์ที่ Fifth Avenue ในนิวยอร์ก ในวันที่ 20 มกราคมนี้ ขณะที่ยอดขายลดลงเรื่อยๆ
สาขาแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ถนน Fifth Avenue ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไพร์ม โลเคชั่นที่สุดสำหรับการช้อปปิ้งในแมนฮัตตัน เป็นจุดยุทธศาสตร์ของค้าปลีก โดยสาขานี้เคยเป็นแฟล็กชิพสโตร์ของ Gap จนในปี 2017 ได้เปิดแฟล็กชิพสโตร์แห่งใหม่ที Times Square
การปิดสาขานี้คงไม่ใช่เรื่องประหลาดใจอะไรมากนัก เพราะที่ผ่านมา Art Peck ที่เป็น CEO ของ Gap ได้เคยประกาศไว้ว่าจะทยอยปิดร้าน Gap หลายร้อยสาขาในอนาคต ซึ่งรวมสาขานี้เข้าไปด้วย
เหตุผลที่ Gap ต้องทยอยปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง ก็เพราะว่าสถานการณ์ค้าปลีกยังคงวิกฤต แบรนด์ยังคงต้องหาทางดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ในขณะที่ผลประกอบการล่าสุดพบว่ามียอดขายจากสาขาเดิมลดลง 7% ในไตรมาสล่าสุด
วิธีการจัดการของ Gap จึงม่ต่างจากผู้เล่นค้าปลีกรายอื่นๆ ก็คือต้องยอมตัดเนื้อร้าย ก่อนที่จะลุกลามไปกันใหญ่ โดยเลือกปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร หรือทราฟิกคนใช้บริการไม่ดี รวมถึงร้านที่ไม่ตอบโจทย์เรื่องการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า
แต่เขาก็ยังเชื่อว่าในจำนวนร้านที่ยังเปิดอยู่จะสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้ามากขึ้น ช่วยสร้างประสิทธิภาพให้กับแบรนด์ได้เช่นกัน
ในขณะที่ Gap กำลังจะปิดสาขานี้ในวันที่ 20 มกราคม 2019 ที่จะถึงนี้ Ralph Lauren ก็ได้ปิดสาขาแฟล็กชิพสโตร์ของแบรนด์ Polo ที่อยู่ตรงข้ามกับถนน Fifth Avenue เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว
ทำให้เห็นได้ว่าสถานการณ์ค้าปลีกในสหรัฐอเมริกายังคงวิกฤตจริงๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา