ก่อนที่เราจะไปดูกองทุนหุ้นยุโรปที่น่าสนใจ ขออนุญาตพาทุกท่าน update สถานการณ์ทางเศรษฐกิจยุโรปจากรายงาน Guide to the Market (Europe 4Q 2017 as of 30 September 2017) สำหรับท่านใดสนใจอ่านฉบับเต็มสามารถเข้าไป download ได้จาก link ด้านล่าง
Guide to the Markets: https://am.jpmorgan.com/gi/getdoc/1383489633696
Market Insights: https://am.jpmorgan.com/gi/getdoc/1383223409038
ตัวเลข GDP มีพัฒนาการที่ดีขึ้นด้วยแรงสนับสนุนจากการบริโภคและการลงทุน
ที่มา : Guide to the Markets: https://am.jpmorgan.com/gi/getdoc/1383489633696
จากข้อมูลทางซ้ายพบว่าตั้งแต่ช่วงปี 2013 ตัวเลขการเติบโตของ GDP เริ่มฟื้นตัวและมีแนวโน้มดีขึ้นจาก Consumption และ Investment ช่วยสนับสนุน ในขณะเดียวกันข้อมูลทางขวาแสดงตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI inflation) ก็แสดงพัฒนาการที่ดีขึ้นโดย Core rate (เงินเฟ้อจากรายการค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับอาหารและพลังงาน เป็นสิ่งที่แสดงภาวะเงินเฟ้อจากการบริโภคสินค้าและบริการต่าง ๆ) เริ่มกลับมามีเสถียรภาพ
ตัวเลขการจ้างงานกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ที่มา : Guide to the Markets: https://am.jpmorgan.com/gi/getdoc/1383489633696
จากข้อมูลพบว่า ตัวเลขอัตราการว่างงานลดลงจาก 12% มาอยู่ที่ประมาณ 9% โดยอัตราการว่างงานของเยอรมันแข็งแกร่งที่สุดอยู่ที่ประมาณ 3% ในส่วนของค่าแรงก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับอัตราการจ้างงานที่ดีขึ้น สาเหตุที่ต้องพิจารณาเรื่องเศรษฐกิจและอัตราการว่างงานของยุโรปก่อนไปพิจารณาส่วนของกองทุนรวม เนื่องจากรายได้ของบริษัทในยุโรปกว่าครึ่งมาจากการบริโภคภายในกลุ่ม EU นั่นเอง
ดัชนีหุ้นยุโรปในปัจจุบันยังไม่แพง
ที่มา : Guide to the Markets: https://am.jpmorgan.com/gi/getdoc/1383489633696
จากข้อมูลตัวเลข P/E : 14.9 และ CAPE (Cyclically adjusted P/E): 17.4 ยังอยู่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีต และเมื่อเปรียบเทียบอัตราเงินปันผล (Dividend Yield) กับอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรเยอรมันอายุ 10 ปี พบว่ายังมีส่วนต่างอยู่ประมาณ 2.7%
สำหรับท่านใดที่ต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่าลืม download และศึกษาได้จาก link ที่ให้ไว้ข้างต้น และควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากแหล่งอื่นประกอบด้วย
หลังจากสำรวจสภาพทางเศรษฐกิจแล้ว หลังจากนี้มาดูกันว่า กองทุนหุ้นยุโรป กองทุนไหนน่าสนใจบ้าง
ทำความรู้จักกองทุนไทยที่ลงทุนในหุ้นยุโรปทั้ง 28 กองทุน
ที่มา : รวบรวมจาก AIMC และ Fund Fact Sheet สิ้นเดือนสิงหาคม 2560
สำหรับกองทุนที่ลงทุนในหุ้นยุโรปมีอยู่ทั้งหมด 28 กองทุนตามที่แสดงในตาราง เราสามารถแบ่งย่อยตาม style การลงทุน หรือ sector ที่กองทุนเน้นลงทุนเป็นพิเศษได้ทั้งหมด 6 กลุ่มด้วยกัน คือ 1. กลุ่มลงทุนหุ้นยุโรปแบบ Active (Active) 2. กลุ่มลงทุนหุ้นยุโรปเลียนแบบดัชนี (Passive) 3. กลุ่มที่เน้นลงทุนในหุ้นเยอรมัน (German) 4. กลุ่มที่เน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Silver Age (Silver Age) และอีก 2 กลุ่มที่เหลือเป็นกองทุนรวม RMF ที่ลงทุนในยุโรปแบบ Active และ Passive ตามลำดับ
เงื่อนไขในการคัดเลือกกองทุนน่าสนใจ
- สำหรับกองทุนที่ลงทุนในหุ้นแบบ Active กองทุนหลัก (Master Fund) ควรมีผลการดำเนินงานดีกว่า Benchmark ต่อเนื่อง
- สามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาวชนะคู่แข่งเมื่อเทียบกับกองทุนในกลุ่มเดียวกัน
- ค่าธรรมเนียมไม่แพงมาก
สำหรับเครื่องมือที่ใช้ในการคัดเลือก Active Fund ตามเงื่อนไขข้อแรก ในปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือช่วยนอกจากการทยอยเปิด Fund Fact Sheet ของแต่ละกองทุน จากนั้นจึงทำการค้นหา Fund Fact Sheet ของกองทุนหลักให้พบ ท่านก็จะได้คำตอบ ซึ่งอาจต่างจากในบทความนี้เนื่องจากข้อมูลที่นำมาคัดเลือกทำขึ้นในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมาพบว่ากองทุนหุ้นยุโรปแบบ Active ที่ผ่านเกณฑ์ข้อแรกมีอยู่ทั้งหมด 12 กองทุน แบ่งเป็นกองทุนหุ้นยุโรป Active 8 กองทุน กองทุนหุ้นเยอรมัน 1 กองทุน และกองทุน RMF Active 3 กองทุน
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานในกลุ่ม
เครื่องมือที่ใช้ในการคัดเลือดในข้อนี้ เราสามารถใช้บริการข้อมูลจาก wealthmagik ในส่วนของการค้าหากองทุน (Fund Screener) เพื่อเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น ขอบคุณทาง wealthmagik มา ณ ที่นี้
เพื่อให้บทความกระชับขอทำการเปรียบเทียบให้ดูเฉพาะกองทุนหุ้นยุโรป Active 8 กองทุนเท่านั้น
ที่มา : www.wealthmagik.com/screener ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2560
จากตารางข้อมูลพบว่า กองทุนที่สามารถทำผลการดำเนินงานได้ดีอย่างโดดเด่นต่อเนื่อง คือ KT-EURO โดยในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา สร้างผลตอบแทนได้ประมาณ 32.55% ทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง TMBEG อยู่ประมาณ 8% อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคตได้
สำรวจข้อมูลกองทุน KT-EURO
KT-EURO เป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Invesco Continental European Small Cap Equity Fund เพียงกองเดียวโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสุทธิของกองทุนรวมโดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี สิ้นสุด ณ วันที่ 29 กันยายน 2560 ที่ 37.86% โดยขนาดกองทุน KT-EURO อยู่ที่ประมาณ 851.6 ล้านบาท
ข้อมูลจาก Fund Fact Sheet 29 กันยายน 2560
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย
สำหรับในการซื้อกองทุน มีค่าธรรมเนียม 1.5% ไม่ว่าจะเป็นการซื้อโดยตรงหรือการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเข้ามาก็ตาม ส่วนค่าธรรมเนียมในการขายคืนในปัจจุบันยังไม่เรียกเก็บ
สำหรับท่านใดต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปอ่าน Fund Fact Sheet ได้ที่ https://www.ktam.co.th/document_fund/fundfactsheet_monthly/Fundfactsheet_monthly_th_KT-EURO.pdf
สำรวจข้อมูลกองทุนหลัก (Master Fund)
นโยบายการลงทุนของกองทุนหลัก จะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กทั่วยุโรป (ยกเว้นประเทศอังกฤษ) ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของการลงทุนคือ ต้องการสร้างการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว ดังนั้น ไม่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น เนื่องจากกองทุนนี้เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กซึ่งอาจมีความผันผวนของราคาในระยะสั้นได้
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2012 สามารถเอาชนะ Benchmark ได้อย่างต่อเนื่องโดยในปัจจุบันเงินลงทุนกว่า 67% เน้นลงทุนใน 3 กลุ่มหลัก คือ Industrials, Financials, Consumer Discretionary ในสัดส่วน 31%, 22.8% และ 13.9% ตามลำดับ ในบทความนี้คงไม่สามารถเจาะลึกไปถึงบริษัทที่กองทุนลงทุนได้ เนื่องจากเราไม่มีข้อมูลเชิงลึกมากพอที่จะเข้าไปพิจารณาในรายละเอียดของแต่ละบริษัท สำหรับท่านใดต้องการเข้าไปศึกษา สามารถ download ข้อมูลได้ที่ https://www.invesco.com.hk/ap-public/retail/en_HK/funds/invesco-continental-european-small-cap-equity-fund?isinNumber=IE00BQ70TL81
ท้ายที่สุดหวังว่าท่านผู้อ่านจะได้วิธีในการคัดเลือกกองทุนและหากต้องการค้นหากองทุนอื่น ๆ ที่สนใจก็สามารถประยุกต์ใช้วิธีการที่กล่าวมาได้
หมายเหตุ : กองทุนที่มีการพูดถึงในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างการคัดเลือกกองทุนด้วยเงื่อนไขที่กำหนด ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการชี้นำให้ลงทุนแต่อย่างใด สำหรับท่านใดที่ต้องการลงทุน ควรปรึกษาที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อให้คำแนะนำการลงทุนอย่างเหมาะสมต่อไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา