ครีมภูเขาในตำนานยังอยู่ เนื้อสัมผัส-กลิ่น-สีแบบเดิม แค่เปลี่ยนเจ้าของ เจ้าเดียวกับครีมหอยทากใน 7-11

ถ้าคุณเกิดทัน ‘ครีมภูเขา’ ในตำนาน ขอบอกเลยว่า คุณไม่เด็กแล้วนะ

Fuji Cream

วันนี้ Brand Inside จะพาทุกคนไปรู้จักกับเรื่องราวความสำเร็จของ ‘Fuji Cream’ โดย ‘ก้อย-สุธีตา บุนนาค’ จะเป็นอย่างไรบ้าง มาดูกัน

พลิกชีวิตด้วยครีมหอยทากผสมว่านหางจระเข้

Fuji Cream
ภาพจากงาน LINE BOOTCAMP 2025

Fuji Cream หรือ บริษัท ฟูจิครีมดอทคอม จำกัด ก่อตั้งมา 18 ปีแล้ว โดยก้อยได้แรงบันดาลใจทำธุรกิจมาจาก ความชอบในเครื่องสำอางและความเป็นญี่ปุ่น ประกอบกับประสบการณ์ที่เคยช่วยเพื่อนๆ ทำเว็บ ‘Dek-D’ สมัยก่อน จึงนำทั้งความชอบและประสบการ์ณที่มี มาสร้างเป็นแบรนด์ของตนเอง

สินค้าแรกของ Fuji Cream คือ ‘ครีมไข่มุก’ รูปแบบซอง ขายในเซเว่นอีเลฟเว่น แต่แน่นอนว่าการเดินทาง มันไม่ง่ายตั้งแต่ต้น เพราะผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ขายแทบไม่ออกเลย

แต่จุดพลิกของก้อยคือผลิตภัณฑ์ตัวถัดไปหรือ ‘ครีมหอยทากผสมอโลเวร่า’ ต่างหาก โดยตอนนั้น ครีมหอยทากมีราคาค่อนข้างแพง มาพร้อมกับสรรพคุณในการลดรอยแผล ลดรอยอักเสบ 

แล้วอะไรล่ะที่มีคุณสมบัติคล้ายครีมหอยทาก? คำตอบก็คือ ว่านหางจระเข้ (อโลเวร่า) นั่นเอง ก้อยจึงปิ๊งไอเดีย นำครีมหอยทากมาผสมกับว่านหางจระเข้ เพราะเธออยากให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าดีๆ ในราคาที่เอื้อมถึงได้

ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำที่พาเธอคว้ารางวัลจากเวที ‘7 Innovation Awards’ ครีมหอยทากผสมอโลเวร่าของก้อย ก็ขายดีแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน จนเซเว่นอีเลฟเว่นต้องโทรมาถามว่า มีของพร้อมส่งไหม ขอส่งทันที 1 ล้านซอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นการเติบโตของแบรนด์ Fuji Cream

ทำของปลอมมาหลอกลูกค้านัก ก็ทำเองจริงไปเลย

Fuji Cream
ภาพจากเว็บไซต์ Fuji Cream

แล้วครีมภูเขาในตำนานที่ว่านั่นล่ะ มันมาตอนไหน?

ต้องอธิบายก่อนว่า ผลิตภัณฑ์ตัวดังอย่าง ‘Hazel Snow’ ของ Fuji Cream ไม่ใช่เจ้าของเดียวกันกับครีมภูเขาในตำนาน เพียงแค่ก้อยไปซื้อเครื่องหมายการค้าหรือโลโก้ของแบรนด์นี้หลังจากธุรกิจปิดกิจการลงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ก้อยบอกว่า เนื้อสัมผัส กลิ่น และสีของ  Hazel Snow ยังเหมือนของครีมภูเขาดั้งเดิม เพิ่มเติมคือพัฒนานวัตกรรมให้ตัวครีมไม่เหนอะหนะผิวอีกต่อไป

ก้อยยังเล่าอีกว่า จุดเริ่มต้นของ Hazel Snow คือความฟลุ๊ค เพราะจริงๆ แล้ว Fuji Cream ซื้อเครื่องหมายการค้ามาเป็นสิบปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ผลิตตัวครีมภูเขาออกมาจริงๆ จนกระทั่ง 3 ปีก่อน

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทถูกคอมเพลนมาว่า ทาครีมภูเขาของแบรนด์แล้วเกิดปัญหามากมาย แต่ความจริงคือ มีคนสวมรอยทำครีมปลอมขึ้นมาต่างหาก แต่ใช้เครื่องหมายการค้าของ Fuji Cream จนคนเข้าใจผิด

ดังนั้น ก้อยจึงตัดสินใจทำครีมภูเขาหรือ Hazel Snow เองซะเลย แถมตอนนี้ยังแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกเป็นหลายรูปแบบ มีทั้งครีมสีชมพูกลิตเตอร์ที่ทาแล้วหน้าฉ่ำวาว ครีมกันแดด โรลออน และอื่นๆ อีกมากมายด้วย

ก้อยเผยว่า Hazel Snow ไม่ได้แข่งแค่นวัตกรรม แต่ยังมีหัวใจหลักคือการขายความทรงจำ ส่งต่อความงามจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้แบรนด์แตกต่างจากคนอื่น 

ปัจจุบัน สินค้าในซีรีส์ Hazel Snow ถือเป็นคอลเล็กชันที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยครองสัดส่วนรายได้บริษัทถึง 50%

จากเรื่องราวความสำเร็จนี้ ในปี 2023 Fuji Cream ก็สามารถทำรายได้มากถึง 62 ล้านบาท และก้อยยังเผยอีกว่า ในบางห้างสรรพสินค้า ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์โตเกือบ 3,800% เลย เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น

แล้ว Brand Inside จะพาทุกคนไปรู้จักกับแบรนด์ไทยเจ้าไหนอีก รอติดตามกันได้เลย

ที่มา: Corpus X, Fuji Cream

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา